"เรามีความมุ่งมั่นที่จะนำความเชี่ยวชาญในธุรกิจค้าปลีก รวมถึงเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งที่เรามีมาร่วมพัฒนาประเทศให้เติบโตก้าวกระโดดด้วยโปรเจคสุดยอดแลนด์มาร์ค ช้อปปิ้ง เดสติเนชั่นที่ดีที่สุดเป็นช้อปปิ้งฮับแห่งใหม่ของประเทศรวม 8 โครงการ มูลค่ากว่า 5.3 หมื่นล้านบาท โครงการทั้งหมดนี้จะย้ำความยิ่งใหญ่ของ CPN ในฐานะผู้นำตลาดศูนย์การค้า"
สำหรับ 8 โครงการใหม่มีกำหนดเปิดให้บริการระหว่างปี 58-60 จะทำให้ CPN เป็นผู้นำธุรกิจที่มีศูนย์การค้าครอบคลุมมากที่สุดในทุกจุดยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศรวม 31 ศูนย์การค้า มีพื้นที่รวมกว่า 7 ล้านตารางเมตร ซึ่งโครงการทั้ง 8 ได้แก่ เซ็นทรัลเวสท์เกต“ซูเปอร์รีจินัล มอลล์"มูลค่าการลงทุนกว่า 14,000 ล้านบาท บนพื้นที่กว่า 500,000 ตร.ม.ยกระดับบางใหญ่ให้กลายเป็น New CBD และศูนย์กลางการคมนาคม, เซ็นทรัลพลาซา ระยอง มูลค่าการลงทุนกว่า 4,000 ล้านบาท บนพื้นที่ 200,000 ตร.ม.ด้วยศักยภาพของจังหวัดศูนย์กลางอุตสาหกรรม
เซ็นทรัลเฟสติวัล อีสท์ วิลล์ ไลฟ์สไตล์มอลล์ครบวงจรแบบเอ้าท์ดอร์แห่งแรกของไทย มูลค่าการลงทุนกว่า 6,000 ล้านบาท บนพื้นที่ 150,000 ตร.ม.บนทำเลศักยภาพที่ดีที่สุดบนถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา, เซ็นทรัลพลาซา นครศรีธรรมราช ลงทุนกว่า 4,000 ล้านบาท บนพื้นที่ 120,000 ตร.ม. บนทำเลยุทธศาสตร์ของภาคใต้ด้วย, เซ็นทรัลพลาซา นครราชสีมา มูลค่าการลงทุนกว่า 9,300 ล้านบาท บนพื้นที่ 250,000 ตร.ม.แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของอีสานด้วยศักยภาพของจังหวัด ด้วยจำนวนประชากรที่มากเป็นอันดับ 2 ของประเทศ และ GPP รวมสูงที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, เซ็นทรัล ภูเก็ต รวม 3 โครงการ 3 คอนเซ็ปต์ที่แตกต่างไว้อย่างลงตัว มูลค่าการลงทุน 12,700 ล้านบาท พื้นที่โครงการ 300,000 ตร.ม.
และพลิกโฉมใหม่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ปิ่นเกล้า ด้วยงบลงทุน 2,300 ล้านบาท และเซ็นทรัลพลาซา บางนา งบลงทุน 1,200 ล้านบาท ให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ทันสมัย รองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการเติบโตของโครงการที่อยู่อาศัยจากโครงการพัฒนารถไฟฟ้าสายใหม่ของภาครัฐ
"ก้าวต่อไปของ CPN จะนำประเทศไทยให้ผงาดอย่างยิ่งใหญ่ในวงการค้าปลีกระดับภูมิภาค ด้วยการสร้างแลนด์มาร์ค ช้อปปิ้ง เดสติเนชัน ระดับโลก นำประเทศไทยสู่จุดหมายการเป็น ASEAN Regional Shopping Hub ในฐานะแหล่งรวมสุดยอดประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ช้อปปิ้งที่ดีที่สุดของอาเซียนให้ประเทศไทยเป็นสวรรค์แห่งการช้อปปิ้งของทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวทั่วโลก"นายปรีรชา กล่าว
นายปรีชา ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า CPN ตั้งเป้ารายได้เติบโตต่อเนื่องปีละ 15% ในช่วง 5 ปีจากนี้(ปี 58-62) และกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย(EBITDA)ก็คาดว่าเติบโตในทิศทางเดียวกันปีละ 15% ภายใต้แผนงานการเปิดศูนย์การค้าใหม่ปีละ 3 แห่ง ตั้งงบลงทุนปีละราว 1.5-1.6 หมื่นล้านบาท โดยมองเห็นโอกาสขยายศูนย์การค้าใหม่อีก 20 แห่งในประเทศ ซึ่งเป็นทำเลในกรุงเทพ 10 แห่ง นอกจากนั้น ยังเป็นการเติบโตจากศูนย์การค้าเดิมที่มีการปรับขึ้นค่าเช่าพื้นที่ทุกปี
ทั้งนี้ แหล่งเงินลงทุนจะมาจากเงินกู้ในสัดส่วน 20-30% โดยบริษัทยังมีความสามารถกู้เงินได้อีกมาก เพราะปัจจุบันมีอัตราหนี้สินต่อทุน(D/E) ต่ำไม่ถึง 0.5 เท่า
"ทุกปีเราเพิ่มศูนย์การค้าใหม่ปีละ 3 แห่ง ถ้ามีพื้นที่มีศักยภาพเราก็จะเร่งทำ และศูนย์การค้าเดิมก็ขยายตัวดีค่าเช่าเพิ่มขึ้นทุกปี เราเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจดีขึ้นก็เป็นตัวผลักดันให้เราเติบโต 15% ต่อปี"นายปรีชา กล่าว
ด้านการลงทุนต่างประเทศนั้น ขณะนี้บริษัทลงทุนร่วมกับพันธมิตรที่มาเลเซีย โดย CPN ถือหุ้น 60% งบลงทุนในโครงการศูนย์การค้าแห่งใหม่ราว 6 พันล้านบาท ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างเร็วๆนี้ และจะเปิดให้บริการปี 60 นอกจากนี้ยังมีแผนลงทุนศูนย์การค้าในประเทศอื่นเน้นแถบอาเซียน โดยศึกษาการลงทุนในอินโดนีเซียและเวียดนาม ในลักษณะการร่วมทุนพันธมิตรท้องถิ่นที่มีความชำนาญในพื้นที่ อย่างไรก็ดีหากมีผู้ยื่นข้อเสนอให้ CPN เข้าซื้อกิจการก็ยินดีจะพิจารณา
ส่วนผลประกอบการในปีนี้คาดว่ารายได้จะเติบโต 15% มาที่ 2.4-2.5 หมื่นล้านบาท โดยรายได้ในช่วงครึ่งแรกของปียังเป็นไปตามเป้าหมายแม้ว่าจะมีสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมือง แต่ในไตรมาส 3/57 นี้อ่อนตัวลงไปบ้าง อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 4/57 เห็นแนวโน้มของสัญญาณที่ดีขึ้นตั้งแต่ต้นไตรมาส
ด้านนายณัฐกิตติ์ ตั้งพลูสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด CPN กล่าวว่า ในช่วงเดือน ต.ค.ที่ผ่านมาใมียอดลูกค้าเข้าศูนย์เซ็นทรัลเวิล์ดดีขึ้นมาที่ 1.2แสนคน/วันในวันธรรมดาและ 1.5 แสนคน/วันในวันเสาร์-อาทิตย์ จากต้นปียอดอยู่ที่ 9 หมื่นคน/วันในวันธรรมดา และคาดว่าไตรมาส 4/57 ยอดน่าจะเพิ่มขึ้นอีก 10% มาที่ 1.3 แสนคน/วันในวันธรรมดาและ 1.6 แสนคน/วันในเสาร์-อาทิตย์ รวมทั้งคาดหวังว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันมีสัดส่วน 25% จากในอดีตที่เคยมีสัดส่วนสูงถึง 40%