"อุตสาหกรรมยานยนต์ได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจากบทเรียนที่เกิดขึ้นในปีนี้ทำให้ EUREKA ปรับกลยุทธ์การทำธุรกิจกระจายสัดส่วนรายได้ในต่างประเทศเพิ่มขึ้น และมีแผนเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อสร้างรายได้ให้กับบริษัท"นายนรากร กล่าว
ในปีนี้ต้องยอมรับว่าในทุกอุตสาหกรรมต่างได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองในประเทศ ซึ่งทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น และการลงทุนใหม่ๆของภาคเอกชนต่างชะลอตัวลง ซึ่งอุตสาหกรรมยานยนต์ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ที่ผ่านมา EUREKA ได้เร่งปรับกลยุทธ์กระจายความเสี่ยงไปยังตลาดต่างประเทศมากยิ่งขึ้น ไม่พึ่งพาเฉพาะตลาดใดตลาดหนึ่ง โดยบริษัทได้เปิดสาขาในต่างประเทศ คือ อินโดนีเซียและอินเดีย ซึ่งได้รับกระแสการตอบรับค่อนข้างดี โดยปัจจุบันมีออเดอร์ทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน บริษัทยังหาช่องทางเพิ่มรายได้ โดยเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เครื่องล้างกล่องพลาสติก (Plastic Box cleaning Machine) ซึ่งจะเปิดตัวในเดือนพ.ย.นี้ โดยมั่นใจว่าสินค้าดังกล่าวจะได้รับการตอบรับที่ดีอย่างแน่นอน เนื่องจากจะช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงานได้เป็นอย่างดี
สำหรับสาขาที่อินโดนีเซียซึ่งเปิดให้บริการเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมานั้น ขณะนี้ทางยูเรกา อินโดนีเซียมีออเดอร์เข้ามาแล้ว 7.50 ล้านบาท และเตรียมได้ยื่นประมูลงานใหม่อีกมูลค่ารวม 16.27ล้านบาท โดยคาดหวังว่าจะได้รับงานประมาณ 50% ของมูลค่างานทั้งหมด ซึ่งคาดว่าจะทราบผลประมูลในเดือนธันวาคม 57 นี้
ส่วนสาขาที่อินเดียที่ได้เปิดดำเนินการเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมานั้น ขณะนี้เตรียมได้ยื่นประมูลงานใหม่อีกมูลค่ารวม 6.70 ล้านบาท โดยคาดหวังว่าจะได้รับงานประมาณ 50% ของมูลค่างานทั้งหมด ซึ่งคาดว่าจะทราบผลประมูลในเดือน ธันวาคม 2557 นี้ ซึ่งงานต่างประเทศที่เข้ามาจะช่วยสนับสนุนรายได้ของบริษัท ซึ่งเราพร้อมเดินหน้าสร้างผลประกอบการในปีนี้ให้ออกมาอย่างดีที่สุด
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทยังได้มีมติให้จัดตั้งบริษัทย่อย 2 บริษัทคือ บริษัท ยูเรกา ออโตเมชั่น จำกัด ดำเนินธุรกิจออกแบบและผลิตเครื่องจักรระบบอัตโนมัติ โดย EUREKA ถือหุ้น 59.99% และบริษัท ยูเรกา เทรดดิ้ง จำกัด ดำเนินธุรกิจค้าปลีก เพื่อจัดหา จำหน่ายอุปกรณ์เครื่องมือ โดย EUREKA ถือหุ้น 79.99% เพื่อเพิ่มช่องทางการหารายได้ให้กับบริษัท และกระจายฐานรายได้เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนปี 57 มีรายได้รวมอยู่ที่ 226.01 ล้านบาท ลดลง 22.51% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 291.66 ล้านบาท ขณะที่ขาดทุนสุทธิจำนวน 14.02 ล้านบาท ลดลง 135.49% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 39.50 ล้านบาท