สำหรับผลการดำเนินงานของ ICHI ในไตรมาส 3/57 บริษัทมีรายได้จากการขาย 1,359.5 ล้านบาท ลดลง 9.9% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่สามารถทำกำไรสุทธิ 266.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62.4% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 163.9 ล้านบาท เป็นผลจากการบริหารต้นทุนการผลิต และค่าใช้จ่ายทางการตลาด เมื่อรวมกับกำลังการผลิตที่เพิ่มมากขึ้นจากโรงงานเฟส 2 ที่เสร็จสมบูรณ์ ส่งผลให้ลดอัตราการว่าจ้างผลิต(OEM)ลงเหลือเพียง 1% จาก 21% ในงวดเดียวกันของปีก่อน ทั้งหมดกลายเป็นองค์ประกอบที่ส่งผลให้ผลกำไรสุทธิเติบโตตามเป้าหมาย
ทั้งนี้ ในไตรมาส 4 /57 บริษัทฯ มีแผนการรุกตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยส่งชาเขียวรสชาติใหม่ อิชิตัน รสลิ้นจี่ หวานเปรี้ยวลงตัว ออกสู่ตลาด ซึ่งน่าจะกวาดยอดขายได้เป็นอย่างมาก
นายตัน กล่าวอีกว่า แม้ตลาดชาพร้อมดื่มในประเทศไทยจะยังคงมีการแข่งขันดุเดือด แต่อิชิตันยังครองส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 44.5% เป็นอันดับหนึ่งติดต่อกันเป็นปีที่ 2 สำหรับ อันดับสอง คือ โออิชิ 36.9% และ เพียวริคุ 7.6% เป็นอันดับสาม (ข้อมูลจากดัชนีตัวเลขค้าปลีก Nielsen ม.ค.-ก.ย. 57)บริษัทประเมินภาพรวมธุรกิจตลาดชาพร้อมดื่มช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีมีแนวโน้มจะเติบโตเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ตามภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศที่มีแนวโน้มดีขึ้น
ล่าสุด ICHI เป็นหนึ่งในบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ในปีนี้และได้รับการจัดเข้ากลุ่มหลักทรัพย์ที่ใช้ในการคำนวณดัชนี MSCI Global Small Cap Indexes งวดล่าสุดที่จัดขึ้นวันที่ 14 พ.ย.57 ถือเป็นการสะท้อนธุรกิจบริษัทถึงปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง แนวโน้มการเติบโตสูง มีศักยภาพต่อการลงทุน และเป็นบริษัทที่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้การตอบรับระดับดีอย่างต่อเนื่อง