ทั้งนี้ บริษัท สามารถ ยู-ทรานส์ จำกัด (SUT)ที่ SAMARTถือหุ้น 99.99% จะจัดตั้ง 3 บริษัทใหม่ ได้แก่ บริษัท สามารถ เวสท์ทูเพาเวอร์ จำกัด ดำเนินการบริหารจัดการการกำจัดขยะมูลฝอยให้กับหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่น โดยทำการคัดแยกขยะมาผลิตเชื้อเพลิงขยะ(RDF)ทำการผลิตไฟฟ้าโดยใช้เชื้อเพลงขยะ และรีไซเคิลขยะ ทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท
นอกจากนั้น ยังจัดตั้ง บริษัท สามารถ ยู-ทรานส์(ลาว) จำกัด ดำเนินธุรกิจให้บริการเขียนโปรแกรมการเรียกและชำระเงิน ออกแบบเว็บไซต์ บำรุงรักษาฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์เทคโนโลยีสารสนเทศ และ บริษัท สามารถ ยู-ทรานส์(เมียนมาร์) จำกัด ดำเนินธุรกิจให้บริการคำแนะนำต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการค้าในประเทศเมียนมาร์ รวมถึงการดำเนินการทั่วไปอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
นายประชา พัทธยากร รองกรรมการผู้จัดการใหม่ SAMART กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรที่จะเข้ามาร่วมดำเนินธุรกิจด้านพลังงาน โดยจะอยู่ภายใต้เงื่อนที่บริษัทต้องเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการเจรจากับหลายจังหวัด คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1-2 เดือนนี้ และจะชัดเจนในต้นปี 58 บริษัทมองโอกาสของการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ ขนาดกำลังการผลิต 9-10 เมกกะวัตต์ เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม ลดมลภาวะ ขณะที่มีการแข่งขันไม่มากเมื่อเทียบกับพลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงอัตราส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า(แอดเดอร์)มีอัตราที่สูง
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจดังกล่าวจะรวมอยู่ในสายธุรกิจสาธารณูปโภคและการเดินทาง Utilities &transportation ที่เป็นกลุ่มที่สร้างรายได้ประจำที่แข็งแกร่งให้แก่กลุ่มสามารถ โดยมองว่าในอนาคตจะเพิ่มสัดส่วนรายได้ขึ้นมาเป็น 50% ของรายได้ทั้งหมดภายใน 3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนรายได้ 30% ของรายได้รวม
"เป็นไปได้ที่ธุรกิจพลังงานจะกลายเป็นรายได้หลักในอนาคต ซึ่งจะรวมอยู่ในกลุ่มของบริษัท สามารถ ยูทรานส์ โดยบริษัทได้ตั้งเป้าธุรกิจให้มีรายได้อย่างยั่งยืน และลดความเสี่ยงของงานภาครัฐลง"นายประชา กล่าว