อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะของบริษัทในการเป็นผู้ให้บริการน้ำประปาเอกชนรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตลอดจนกระแสเงินสดที่แน่นอนจากสัญญาขายน้ำขั้นต่ำระยะยาว ความสม่ำเสมอของความต้องการน้ำประปา และลักษณะของธุรกิจน้ำประปาที่มีความเสี่ยงในการดำเนินงานในระดับต่ำและมีอุปสรรคในการเข้าสู่ธุรกิจในระดับสูง อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากการที่บริษัทมีภาระหนี้จำนวนมากและความเสี่ยงจากการมีการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) เป็นลูกค้าหลักเพียงรายเดียว
ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานภาพในการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งและคงความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเอาไว้ได้ ทั้งนี้ การลงทุนในอนาคตไม่ควรส่งผลกระทบในด้านลบต่อโครงสร้างเงินทุนและฐานะทางการเงินของบริษัท
ณ เดือนสิงหาคม 2557 บริษัททีทีดับบลิวมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ประกอบด้วย บริษัท มิตซุย วอเตอร์ โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (25.98%) บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (20.24%) และ บริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน) (19.04%) ปัจจุบันบริษัทเป็นผู้ให้บริการน้ำประปาเอกชนรายใหญ่ที่สุดในประเทศ ด้วยกำลังการผลิตทั้งสิ้น 876,000 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวัน และให้บริการบำบัดน้ำเสียซึ่งมีกำลังการบำบัด 18,000 ลบ.ม./วัน นอกจากนี้ บริษัทยังถือหุ้นในสัดส่วน 25% ใน บริษัท ซี. เค. พาวเวอร์ จำกัด ด้วย โดยบริษัท ซี. เค. พาวเวอร์ เป็นผู้ถือหุ้น 56% ใน บริษัท เซาท์อีส เอเซีย เอนเนอร์จี จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังน้ำในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว) ด้วยกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้า 615 เมกะวัตต์
บริษัทดำเนินงานโรงผลิตน้ำประปา 3 โรงซึ่งให้บริการน้ำประปาในพื้นที่ 3 เขต คือเขตพื้นที่จังหวัดนครปฐม-สมุทรสาคร เขตพื้นที่จังหวัดปทุมธานี และเขตนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน บริษัทให้บริการน้ำประปาแก่ กปภ. ภายใต้สัญญาซื้อขายน้ำประปาอายุ 25 ปีซึ่งจะหมดสัญญาในปี 2566 และสัญญาอายุ 30 ปีซึ่งจะหมดสัญญาในปี 2577 กปภ. มีพันธะในการรับซื้อน้ำประปาจากบริษัทในปริมาณขั้นต่ำจำนวน 675,000 ลบ.ม./วัน ทั้งนี้ สูตรการคำนวณอัตราค่าน้ำจะเป็นไปตามดัชนีราคาผู้บริโภค นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับสิทธิในการดำเนินการผลิต จำหน่าย และให้บริการน้ำประปา รวมทั้งให้บริการบำบัดน้ำเสียในเขตนิคมอุตสาหกรรมบางปะอินระยะเวลา 30 ปีด้วย โดยสิทธิดังกล่าวจะหมดอายุในปี 2582 บริษัทมีรายได้หลักจากเขตพื้นที่จังหวัดนครปฐม-สมุทรสาครและเขตพื้นที่จังหวัดปทุมธานี โดยมีสัดส่วน 64% และ 31% ของรายได้ทั้งหมดในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557 ตามลำดับ
ฐานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทได้รับแรงหนุนจากการมีความเสี่ยงจากการดำเนินงานที่อยู่ในระดับต่ำและอุปสรรคในการเข้าสู่ธุรกิจในระดับสูง แม้ว่าการผลิตน้ำประปาจะใช้เทคโนโลยีที่ไม่ซับซ้อน แต่ในกรณีที่ต้องสร้างโครงข่ายระบบส่งและจ่ายน้ำประปาแล้ว ผู้ประกอบการต้องใช้เงินลงทุนสูง บริษัทเป็นเจ้าของท่อน้ำประธานและท่อจ่ายน้ำในพื้นที่ให้บริการบางส่วนซึ่งเป็นอุปสรรคต่อผู้ต้องการเข้ามาเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ในพื้นที่ดังกล่าว การมีแหล่งน้ำที่เพียงพอและคุณภาพของน้ำดิบเป็นปัจจัยสำคัญในการผลิตน้ำประปา แหล่งน้ำที่สำคัญในการผลิตน้ำประปาของบริษัทมาจากแม่น้ำท่าจีนและแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งเป็นแหล่งน้ำดิบที่มีปริมาณน้ำเพียงพอ แม้แหล่งน้ำแต่ละแห่งจะมีคุณภาพน้ำที่แตกต่างกัน แต่บริษัทก็สามารถนำน้ำไปผลิตเป็นน้ำประปาคุณภาพสูงได้เช่นเดียวกัน
TTW ยังคงมีความเสี่ยงจากการมี กปภ. เป็นลูกค้ารายใหญ่เพียงรายเดียวซึ่งสร้างสัดส่วนรายได้ให้แก่บริษัทถึง 95% ของรายได้รวมในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557 กระนั้น สถานะความน่าเชื่อถือของ กปภ. ก็อยู่ในระดับที่รับได้เนื่องจากมีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจ นอกจากจะเป็นลูกค้าหลักแล้ว กปภ. ยังเป็นคู่แข่งของบริษัทด้วย เมื่อ กปภ. สร้างโรงกรองน้ำประปาแห่งใหม่และจ่ายน้ำในพื้นที่ที่ใกล้เคียงกับพื้นที่ที่บริษัทให้บริการแล้ว จะส่งผลกระทบทำให้ยอดจำหน่ายน้ำของบริษัทลดลง ทั้งนี้ ยอดจำหน่ายน้ำในพื้นที่ปทุมธานีของบริษัทไม่เติบโตในปี 2556 และลดลง 1.9% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557 เนื่องจากโรงกรองน้ำแห่งใหม่ของ กปภ. เริ่มดำเนินการผลิตในไตรมาสที่ 2 ของปี 2556 อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงดังกล่าวมีปัจจัยลดทอนลงจากการที่บริษัทมีสัญญาซื้อขายน้ำประปาขั้นต่ำกับ กปภ.
บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งเนื่องจากการมีโครงสร้างสัญญาซื้อขายน้ำที่ดีกับ กปภ. อีกทั้งยังมีความต้องการน้ำที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ในปี 2556 บริษัทมีรายได้ 5,182 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.2% จากปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณน้ำประปาที่จำหน่ายและการปรับเพิ่มราคาน้ำประปา สำหรับ 9 เดือนแรกของปี 2557 บริษัทมีรายได้รวม 4,046 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นผลมาจากการปรับเพิ่มราคาน้ำประปาเป็นหลัก ทั้งนี้ เนื่องจากปริมาณขายน้ำประปาได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนตัวและการที่ กปภ. สร้างโรงกรองน้ำแห่งใหม่ โดยปริมาณขายน้ำรวมเพิ่มขึ้น 0.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทยังคงความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายของบริษัทอยู่ในระดับสูงกว่า 76% ในช่วงระหว่างปี 2549 จนถึง 9 เดือนแรกของปี 2557 สภาพคล่องของบริษัทก็ยังอยู่ในระดับดี ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557 บริษัทมีอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมที่ระดับ 27.4% (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีโดยใช้ข้อมูลย้อนหลัง 12 เดือน) และอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ที่ 53.9% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557
ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถดำรงผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งต่อไปได้ในอนาคต และในช่วง 3 ปีข้างหน้า บริษัทน่าจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานอยู่ในระดับ 3,000-3,400 ล้านบาทภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้ง ซึ่งเพียงพอสำหรับแผนการลงทุนและการจ่ายเงินปันผลของบริษัท โดยบริษัทมีแผนลงทุนรวมทั้งสิ้นประมาณ 3,500 ล้านบาทในระยะ 3 ปีข้างหน้า ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและจ่ายน้ำประปาในเขตพื้นที่จังหวัดนครปฐม-สมุทรสาคร และคาดว่าบริษัทจะจ่ายเงินปันผลที่ประมาณ 2,000-2,300 ล้านบาทต่อปี แม้จะอยู่ในช่วงการลงทุน แต่เป็นที่คาดหมายว่าการลงทุนดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อสถานะโครงสร้างเงินทุนและสภาพคล่องของบริษัทเนื่องจากบริษัทมีเงินสดในมือจำนวนมาก โดย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557 บริษัทถือเงินสดจำนวน 4,560 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมเงินจำนวน 1,171 ล้านบาทที่ต้องสำรองไว้ตามเงื่อนไขของสัญญาสัมปทานที่ได้รับจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม