ขณะเดียวกัน การเปิดรับผลผลิตประจำฤดูหีบอ้อยปี 57/58 ของโรงงานน้ำตาลทราย ด้วยกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นเป็น 2 หมื่นตันต่อวัน หรือคิดเป็นปริมาณอ้อย 2 ล้านตันเศษ ซึ่งบริษัทยังคงตอกย้ำด้านประสิทธิภาพการผลิตน้ำตาลทรายจากคุณภาพผลผลิตอ้อยที่ดี ทำให้สามารถผลิตน้ำตาลทรายได้มากขึ้นและสร้างโอกาสจากธุรกิจจำหน่ายน้ำตาลทรายเพื่อรองรับแนวโน้มน้ำตาลทรายในอยู่ในช่วงขาขึ้นอีกด้วย
ขณะเดียวกัน ยังนำผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตน้ำตาลทรายไปต่อยอดสู่ธุรกิจพลังงานทดแทน โดยมีวัตถุดิบที่เป็นพลอยได้ที่เพียงพอต่อการป้อนโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลแห่งที่ 2 กำลังการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์อีก 8 เมกะวัตต์จะแล้วเสร็จในต้นปี 58 จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 1 แห่ง ซึ่งจะทำช่วยผลักดันผลประกอบการในแง่ของรายได้และกำไรเติบโตได้ยิ่งขึ้น
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3/57 (กรกฎาคม-กันยายน) ของปีนี้ บริษัทมีรายได้จากการจำหน่ายน้ำตาลและกากน้ำตาล 567 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีรายได้ 420 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิสามารถพลิกกลับมาทำกำไรได้อย่างโดดเด่น โดยทำได้ 35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 160% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 59 ล้านบาท
ผลการดำเนินงานที่เติบโตโดดเด่นในแง่ของรายได้และกำไรสุทธิ มาจากปัจจัยการส่งมอบน้ำตาลทรายให้กับผู้ซื้อในไตรมาส 3 ที่ผลักดันรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งการส่งมอบน้ำตาลทรายในช่วงเวลาดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถสร้างกำไรจากธุรกิจน้ำตาลทรายได้มากขึ้น เนื่องจากเป็นจังหวะที่ราคาน้ำตาลทรายโลกปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงต้นปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ด้วยการบริหารจัดการด้านประสิทธิภาพการผลิตน้ำตาลทรายที่ผ่านมา ที่สามารถผลิตน้ำตาลทรายได้ 118 กิโลกรัมต่อตันอ้อย ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมน้ำตาลทรายทั้งประเทศ ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตน้ำตาลทรายลดลง เป็นผลให้บริษัทสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีจากธุรกิจน้ำตาลทรายได้มากขึ้น
ขณะเดียวกัน กลุ่มธุรกิจพลังงานทดแทนที่มีโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล ที่จำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ขนาด 8 เมกะวัตต์ เป็นแรงหนุนที่ดี โดยมีรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นถึง 110% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ช่วยผลักดันภาพรวมผลการดำเนินงานในแง่ของกำไรสุทธิของบริษัทฯ ในไตรมาสนี้ได้ดียิ่งขึ้น