สำหรับหมวดแรก นักลงทุนไทยให้ความสนใจค่อนข้างมาก เนื่องจากขณะนี้มีความตระหนักรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ขณะที่หมวดถัดมานั้นนักลงทุนต่างชาติมีความสนใจค่อนข้างมาก เนื่องจากประเทศที่อยู่ในกลุ่ม GMS มีการเติบโตค่อนข้างมาก จึงมีความสนใจที่จะเข้าไปลงทุน แต่การเข้าไปลงทุนด้วยตัวเองนั้นมีความเสี่ยงค่อนข้างมาก จึงอาจใช้ทางเลือกด้วยการลงทุนผ่านบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นแทน
"ปัจจุบันนักลงทุนไทยและต่าชาติมีความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในหุ้นที่มีธรรมาภิบาลและมีความรับผิดชอบต่อสังคม และบริษัทที่มีการเข้าไปลงทุนใน GMS ซึ่งบางครั้งนักลงทุนยังดูได้ยาก ทางตลาดจึงจับมาให้อยู่เป็นกลุ่มเพื่อที่นักลงทุนจะสามารถเข้ามาลงทุนในบริษัทนั้นๆได้ง่ายขึ้นด้วย"นางเกศรา กล่าว
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) (MBKET) กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในปี 58 คาดว่าจะขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 1,650 จุดบนพื้นฐานการเติบโตของเศรษฐกิจไทย(GDP)ที่ 3.5-4% ส่วนกำไรของบริษัทจดทะเบียนคาดว่าจะเติบโต 15%
ปี 58 มีปัจจัยสนับสนุนการลงทุนในหลายด้าน ทั้งการบริโภคภาคเอกชนและการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น รวมไปถึงการลงทุนภาครัฐและเอกชนที่จะเข้ามาช่วยหนุนเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวได้ดี แต่อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามความเสี่ยงเรื่องการเคลื่อนย้ายเงินทุนหลังจากสหรัฐได้ยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE)ลง
นายมนตรี กล่าวอีกว่า ราคาหุ้นไทยยังไม่แพง จึงยังมีความน่าสนใจในการเข้าลงทุน โดยปี 58 มองว่าอัตราราคาเทียบกับกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) จะอยู่ที่ 14 เท่า จากปีนี้ที่ 16 เท่า
ส่วนการหารือระหว่าง ตลท.และสมาคมบริษัทหลักทรัพย์เพื่อออกมาตรการดูแลหุ้นที่มีการเคลื่อนไหวผิดปกตินั้น นายมนตรี มองว่าเป็นสิ่งที่ดีเพื่อให้นักลงทุนมีความรอบคอบมากขึ้น และกลับมาลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีแทน โดยยอมรับว่าปัจจุบันหุ้นหลายตัวราคาเกินพื้นฐานไปค่อนข้างมาก