ดังนั้น จึงหุ้นบมจ.อินเตอร์ฟาร์อีสต์ วิศวการ(IFEC), บมจ.แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง เน็ตเวิร์ค (CEN), บมจ.อีเทอเนิล เอนเนอยี(EE), บมจ.เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป(NMG), บมจ.ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น(TWZ), บมจ.เอฟโวลูชั่น แคปปิตอล(E), บมจ.วินเทจ วิศวกรรม(VTE), บมจ.เอื้อวิทยา(UWC), บมจ.แมกซ์ เมทัล คอร์ปอเรชั่น(MAX), ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบมจ.วินเทจ วิศวกรรม(VTE-W1), บมจ. คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์(CGD), บมจ.เอ็ม ลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น(MLINK), บมจ.มิลล์คอน สตีล (MILL) และบมจ.คราวน์ เทค แอดวานซ์(AJD)
รวมทั้งสิ้น 14 หลักทรัพย์ มีโอกาสเข้าข่ายต้องใช้เกณฑ์ให้สมาชิกต้องดำเนินการให้ลูกค้าวางเงินสดไว้ล่วงหน้ากับสมาชิกเต็มจำนวนที่จะซื้อ(Cash Balance)คาดว่าจะเริ่มใช้วันที่ 17 พฤศจิกายนนี้
สำหรับหุ้น CGD, MLINK, MILL, AJD ใช้ต่อเนื่องไปอีก 1 สัปดาห์ ส่วนหุ้น IFEC, CEN, EE, NMG, TWZ, E, VTE, UWC, MAX, VTE-W1 จะใช้ต่อเนื่อง 6 สัปดาห์ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
หลักทรัพย์ มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน Turnover list P/E หรือ พรีเมียม (ล้านบาท) (%) (เท่า/%) CGD 1,345.57 106.97 ขาดทุน IFEC 1,724.27 86.03 ขาดทุน MLINK 325.14 72.60 ขาดทุน CEN 198.87 55.08 ขาดทุน MILL 301.88 54.79 ขาดทุน MAX 503.534 40.75 ขาดทุน AJD 1,104.11 120.10 393.94 EE 500.23 178.50 214.93 NMG 246.27 45.82 66.61 TWZ 197.60 51.92 54.18 E 491.31 307.96 ขาดทุน VTE 484.03 172.22 ขาดทุน UWC 177.60 125.12 ขาดทุน VTE-W1 149.26 257.26 43.34%