ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทยังมียอดขายรอรับรู้รายได้อีกจำนวนมากจากโครงการที่อยู่อาศัยที่เตรียมส่งมอบอีก 6 โครงการทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ได้แก่ โครงการ HQ thonglor (เอชคิว ทองหล่อ) และโครงการดีบุรา พรานนก โครงการ ‘dVieng’ (ดีเวียง สันติธรรม) เชียงใหม่ โครงการคอนโดมิเนียมตากอากาศที่หัวหิน ได้แก่ โครงการบ้านอิ่มเอม โครงการบ้างเพียงเพลิน และโครงการออทัมน์ หัวหิน โดยมีกำหนดโอนโครงการดีบุรา พรานนกโครงการดีเวียง สันติธรรม และโครงการบ้านอิ่มเอม หัวหินในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้
นายเศรษฐา กล่าวว่า ในปี 57 บริษัทคาดการณ์เป้าหมายรายได้รวม 29,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ยาวไปถึงในอีก 3 ปีข้างหน้าแล้วถึง 45,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นยอดรอรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ประมาณ 9,000 ล้านบาท รวมทั้งมียอดรอรับรู้รายได้ของปี 58 แล้วประมาณ 22,000 ล้านบาท
และในส่วนที่เหลือเป็นยอดรอรับรู้รายได้ของปี 59 และ 60 ซึ่งเมื่อรวมกับแผนการดำเนินงานภายใต้แนวทาง Engineer for Growth ภายหลังการเพิ่มทุนแล้ว คาดว่าบริษัทจะสามารถเพิ่มสัดส่วนการทำไรได้มากขึ้นอีก ซึ่งจะช่วยต่อยอดความสำเร็จและสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจและองค์กรในระยะยาว หลังจากที่บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 3 – 4 ปีที่ผ่านมา
สำหรับผลประกอบการของกลุ่มบริษัทแสนสิริในช่วงไตรมาส 3/57 บริษัทมีกำไรสุทธิถึง 794 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 81% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และเติบโตขึ้นถึง 48 % เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสก่อน รวมทั้งเติบโตขึ้นถึง 147% เมื่อเทียบกับช่วง 9 เดือนของปีที่ผ่านมา โดยในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้บริษัทสามารถทำรายได้รวม 7,400 ล้านบาท เติบโตขึ้นประมาณ 20% จากไตรมาสก่อน ส่งผลให้ขณะนี้บริษัทมีรายได้รวม 19,000 ล้านบาท ทั้งนี้ กำไรจากผลการดำเนินงานได้สะท้อนถึง การบริหารงานที่มีประสิทธิภาพภายใต้แผนงาน EFG หรือ “Engineer for Growth" ทั้งการลดสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย เพิ่มยอดโอนและเน้นการสร้างกำไรเพิ่มขึ้น