ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 3.58 พันล้านบาท และคาดว่าแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ 58 และจะต่อด้วยการทำกระบวนการซื้อหุ้นทั้งหมดโดยสมัครใจ (VTO) ซึ่งคาดว่าแล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 58
ทั้งนี้การซื้อกิจการ HEMRAJ มูลค่าดีลราว 8 หมื่นล้านบาท บริษัทจะใช้เงินจากการการเพิ่มทุนมูลค่าไม่เกิน 8.8 พันล้านบาทและส่วนที่เหลือจะมาจากเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน โดยเบื้องต้นบริษัทได้มีการทำบันทึกข้อตกลงกับกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ HEMRAJ ที่ตกลงจะขายหุ้นจำนวน 2.18 พันล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 22.53% ของหุ้นที่ออดและจำหน่ายได้แล้วของกิจการ ในราคาหุ้นละ 4.50 บาทต่อหุ้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีความต้องการที่จะถือหุ้น HEMRAJ มากกว่า 50% ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าจะมีความเป็นไปได้สูงที่จะได้หุ้นตามที่ต้องการ เนื่องจากบริษัทได้มีการพูดคุยและเจรจากับผู้ถือหุ้นรายอื่นทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งผู้ถือหุ้นมีความสนใจที่จะขายในราคา 4.50 บาทต่อหุ้นเช่นกัน
การเข้าซื้อหุ้น HEMRAJ ในครั้งนี้จะทำให้บริษัทมีฐานลูกค้ามากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรม นอกจากนี้จะทำให้บริษัทมีการเติบโตอย่างรวดเร็วและมีแหล่งรายได้ที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง (recurring income) มากขึ้น อีกทั้งยังจะทำให้รายได้และกำไรของ WHA มีการเติบโตขึ้นเป็นเท่าตัว เมื่อเทียบกับรายได้และกำไรในปี 56 ที่มีรายได้ราว 7 พันล้านบาท และมีกำไรอยู่ที่ 1.46 พันล้านบาท
“การเติบโตของทั้งรายได้และกำไรหลังจากดีล HEMRAJ เสร็จแล้ว ก็จะเติบโตเป็นเท่าตัว เมื่อคำนวณรายได้ของ WHA ในปีที่แล้วที่มีรายได้ 7 พันล้านบาท และมีกำไร 1.46 พันล้านบาท เพราะว่า HEMRAJ ก็มีรายได้ประมาณ 7 พันล้านบาท และมีกำไรประมาณ 3 พันล้านบาท ซึ่งหลังจาก console งบแล้วจะมีกำไรเข้ามา 200% ของกำไร HEMRAJ 3 พันล้านบาท ซึ่งสิ่งนี้จะไปชดเชยกับมูลค่าหุ้นที่ลดลง 20% หลังจากการเพิ่มทุน"นายสมยศ กล่าว
นอกจากนี้ ยังสามารถสร้างธุรกิจใหม่ที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีของบริษัทกับนิคมอุตสาหกรรมและอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรของกิจการ
สำหรับประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนเพิ่มเพิ่ม (synergy) ครั้งสำคัญนี้ คือ การใช้ฐานลูกค้าที่ใหญ่และบริการที่กว้างขึ้น การลดต้นทุนการก่อสร้าง และมีโอกาสทางการเงินมากขึ้น โดยเป็ยผลจากการที่บริษัทมีขนาดใหญ่ขึ้นซึ่งจะเป็นที่ดึงดูดของนักลงทุน และยังเพิ่มความสามารถในการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน โดยมีต้นทุนที่ต่ำลง
ขณะที่อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) หลังจากซื้อกิจการของ HEMRAJ แล้วเสร็จ จะส่งผลให้ D/E จะลดลงเหลือกว่า 1 เท่า จากปัจจุบันที่มี D/E อยุ่ที่ 2.8-2.9 เท่า แม้ว่าบริษัทจะมีการกู้บืมเงินจากสถาบันการเงิน แต่บริษัทก็ยังได้รับเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนจะช่วยรักษาระดับให้ D/E ลดระดับลงเหลือกว่า 1 เท่า