ทั้งนี้ จากการที่รายได้และกำไรเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่สูงนั้น เนื่องมาจากปริมาณการจำหน่ายน้ำมันที่เติบโตขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีกที่ผ่านช่องทางสถานีบริการของบริษัท (สถานีบริการน้ำมัน COCO) ประกอบกับบริษัทฯ มีการบริหารต้นทุนการขายได้ดีขึ้น อีกทั้งบริษัทฯ ได้ขยายสถานีบริการน้ำมัน และปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการแบบ COCO ซึ่งคิดเป็นเพิ่มขึ้น 32.0% ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจในประเทศยังอยู่ในช่วงกำลังฟื้นตัว ซึ่งสัดส่วนการจำหน่ายน้ำมันผ่านช่องทางสถานีบริการน้ำมันแบบ COCO โตอย่างต่อเนื่อง โดยคิดเป็น 75.2% ของช่องทางการจำหน่ายน้ำมันทั้งหมด และที่เหลือมาจากการจำหน่ายผ่านสถานีบริการน้ำมันที่เป็นของตัวแทนจำหน่ายน้ำมันของบริษัท (สถานีบริการน้ำมัน DODO) และภาคอุตสาหกรรม
"จากผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา แม้จะเป็นช่วงฤดูฝน แต่ในช่วงปลายไตรมาส มียอดการจำหน่ายน้ำมันในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้น บริษัทฯ จึงคาดว่าในไตรมาส 4 นี้ น่าจะมีปริมาณการใช้น้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากเข้าสู่ช่วงเทศกาลวันหยุดยาว ประกอบการเพิ่มสถานีบริการ รวมถึงกับต้นทุนน้ำมันที่ลดลงจากภาวะราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับลง ซึ่งส่งให้ค่าการตลาดมีแนวโน้มอยู่ในระดับที่น่าพอใจ“ นายพิทักษ์กล่าว
นายพิทักษ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการขยายสถานีบริการน้ำมันพีทีนั้น บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายขยายสถานีบริการน้ำมันให้ครบ 1,000 แห่ง ตามที่วางไว้ ซึ่งการลงทุนเพิ่มในสถานีบริการน้ำมันซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของแผนในปี 57 โดยช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯใช้งบลงทุนไปแล้ว 371 ล้านบาท จากงบลงทุนที่ตั้งไว้ 520 ล้านบาท โดยปัจจุบัน สิ้นสุดเดือนกันยายน 57 บริษัทฯ เปิดให้บริการสถานีทั้งสิ้น 886 แห่ง
อย่างไรก็ดี บริษัทฯตั้งเป้าที่จะเริ่มดำเนินการเพิ่มจำนวนสถานีบริการน้ำมันในเขตกรุงเทพและปริมณฑลให้มากขึ้น เพื่อให้ลูกค้าในเขตเมืองหลวงและปริมณฑลได้รับการบริการที่ทั่วถึง