สำหรับธุรกิจวาณิชธนกิจจะมีการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) และหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ (PP) รวมถึงงานที่ปรึกษาด้านการปรับโครงสร้างทางการเงินตั้งเป้าไว้จะเพิ่มขึ้นอีก 4-6 ราย ทั้งในตลาด SET และตลาด MAI ครอบคลุมหมวดอุตสาหกรรม ได้แก่ พลังงาน, เช่าซื้อ, ก่อสร้าง, อสังหาริมทรัพย์, ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในบ้านและสำนักงาน ธุรกิจการเงิน และบริการ
"คาดว่ารายได้และกำไรปี 58 จะเติบโตต่อเนื่องจากปีนี้ โดยมองว่าตลาดหุ้นไทยในปีหน้าจะยังอยู่ในแนวโน้มที่ดี ซึ่งประเมินมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 5 หมื่นล้านบาทต่อวัน นอกจากนี้บริษัทยังมีงาน IPO อีก 4-6 บริษัท ซึ่งมีบริษัทขนาดใหญ่”"นายวิศิษฐ์ กล่าว
ส่วนธุรกิจด้านการจัดการกองทุนส่วนบุคคล(Wealth Management)มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดทุกปี อันเป็นผลมาจากการสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้แก่ลูกค้า โดยปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหารรวม 2,590 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% จากปีก่อนที่มี 1,815 ล้านบาท และตั้งเป้าเพิ่มสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร(AUM)ในธุรกิจจัดการสินทรัพย์ส่วนบุคคลแตะ 3,000 ล้านบาทในปีหน้า
ส่วนงานด้านวิเคราะห์หลักทรัพย์ เน้นกลยุทธ์การให้ความรู้ด้านการลงทุนแบบแบบรายเดือน (Market Theme) ในรูปแบบของบทวิเคราะห์ The Big Picture โดยพร้อมตั้งเป้าที่จะสร้างผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ อย่างน้อย 20% ต่อปี
นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า ภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยปี 58 ว่าคาดการณ์มูลค่าการซื้อขายในปีหน้าจะมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ย 5 หมื่นล้านบาทต่อวัน โดยประเมินเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 1,730–1,800 จุด จากสิ้นปีนี้ที่คาดว่าจะปิดได้ที่ 1,600-1,650 จุด หลังจากบรรยากาศการลงทุนมีทิศทางที่ดีขึ้นในหลายด้าน
ขณะที่รายได้ปีนี้คาดว่าดีกว่าปีก่อนเล็กน้อย โดยปีก่อนมีรายได้อยู่ที่ 851.50 ล้านบาท ขณะที่มั่นใจกำไรจะเติบโตสูงกว่าปีก่อน ที่อยู่ที่ 137.91 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯมีการกระจายธุรกิจในหลายส่วน ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ลดลงในช่วงต้นปี โดนปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เพียง 50% สัดส่วนรายได้จากการลงทุน 22% สัดส่วนรายได้จากธุรกิจจัดการการลงทุนส่วนบุคคล 11% ที่เหลือเป็นธุรกิจอื่นๆ