S มั่นใจปี 58 พลิกกำไร ตั้งงบแสนลบ.ซื้อกิจการดันรายได้แตะ 2 หมื่นลบ.ปี 62

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 17, 2014 17:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สิงห์ เอสเตท(S)เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าผลการดำเนินงานในปี 58 จะพลิกกลับมีกำไร จากปี 57 ที่คาดว่าขาดทุนประมาณ 100 ล้านบาท เนื่องจากปีนี้ไม่มีโครงการใหม่จึงไม่มีรายได้เข้ามา อีกทั้งมีค่าใข้จ่ายในการเข้าซื้อกิจการ บมจ.รสา พร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งขาดทุนมาตั้งแต่ในไตรมาส 3/57

แต่ในปีหน้าบริษัทตั้งเป้ารายได้ 2 พันล้านบาท มาจากการซื้อกิจการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจโรงแรม และรายได้จากการร่วมทุนกับพันธมิตรในโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบ ประกอบกับ การรับรู้รายได้โรงแรมสันติบุรีสมุยเต็มปี หลังจากเริ่มเปิดให้บริการในวันที่ 20 ธ.ค.57 ประกอบกับ บริษัทจะรับรู้รายได้จากการขายโครงการแนวราบย่านเลียบทางด่วนรามอินทราเข้ามาด้วย

ทั้งนี้ บริษัทวางเป้าหมายระยะยาวที่จะผลักดันรายได้สูงขึ้นแตะ 2 หมื่นล้านบาทภายในปี 62 ภายใต้การตั้งงบลงทุนไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาทเพื่อเข้าซื้อกิจการ ควบรวมกิจการ และร่วมทุนกับพับธมิตร โดยมีแผนจะซื้อกิจการปีละไม่ต่ำกว่า 2-3 ดีลในช่วงระยะเวลา 5 ปีจากนี้ (ปี 58-62) ซึ่งแหล่งเงินทุนจะมาจากการกู้สถาบันการเงิน ซึ่งขณะนี้มี 2 ธนาคารใหญ่ได้อนุมัติวงเงินกู้เบื้องต้นรวม 1 หมื่นล้านบาท รวมทั้งจะมาจากการพิ่มทุน และการขายสินทรัพย์ที่เป็นโรงแรมเข้ากองทรัสต์พื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์(REIT)ขนาดกว่า 1 หมื่นล้านบาท

นายนริศ กล่าวว่า บริษัทเพิ่งปิดดีลซื้อกิจการโรงแรมในแหล่งท่องเที่ยวของไทย 1 แห่ง มูลค่าราว 3 พันล้านบาท โดยอยู่ระหว่างการรอลงนามในสัญญาซื้อขายที่คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในปีนี้ หลังจากที่ได้บรรลุข้อตกลงร่วมทุนกับบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์เพื่อพัฒนาโครงการบ้านจัดสรร โดยใช้วงเงินลงทุนราว 3 พันล้านบาท

นอกจากนั้น ในสัปดาห์หน้าผู้บริหารของบริษัทจะเดินทางไปเจรจากับพันธมิตรต่างประเทศ เพื่อลงทุนในธุรกิจโรงแรมและอาคารสำนักงานในอาเซียน และอีกดีลหนึ่งคาดว่าภายในต้นปี 58 จะมีความชัดเจนในการร่วมลงทุนกับพันธมิตรท้องถิ่นในธุรกิจโรงแรมและอาคารสำนักงานในพม่าด้วย เบื้องต้นประเมินมูลค่าเงินลงทุนในหลักพันล้านบาท

และ บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจาซื้อกิจการโรงแรมทั้งในและต่างประเทศอีก 3-4 ดีล มูลค่ารวมประมาณ 2 หมื่นล้านบาท จากแผนงานของบริษัทในช่วง 5 ปีนี้ที่ตั้งเป้าจะซื้อกิจการโรงแรมจำนวน 10-11 แห่ง แบ่งเป็นในประเทศ 7-8 แห่ง และต่างประเทศ 2-3 แห่ง

นอกจากนี้ S มีความสนใจเข้าซื้อที่ดินกิจการนิคมอุตสาหกรรมในประเทศ เพื่อต่อยอดธรุกิจอสังหาริมทรัพย์ให้ครบวงจร รวมทั้งจะช่วยหนุนกิจการของบริษัท บุญรอด บริเวอร์รี่ จำกัด เพื่อใช้เป็นคลังสินค้า รวมทั้งมีแผนซื้อที่ดินของกลุ่มบุญรอด เพื่อนำมาพัฒนาเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ และสนามกอล์ฟที่สมุยของนายสันติ ภิรมย์ภักดี ประธานกลุ่มบุญรอด มาให้ S บริหาร

นายนริศ กล่าวว่า สัดส่วนรายได้ของ S ใน 5 ปีข้างหน้าจะมาจากรายได้จากค่าเช่า 50% รายได้จากการขายโครงการอสังหาริมทรัพย์ 50% โดยในช่วง 3 ปีแรก(ปี 58-60) รายได้หลักจะมาจากโครงการที่เข้าควบรวมกิจการ(M&A) และโครงการที่ร่วมทุนกับพันธมิตรเป็นส่วนใหญ่ หลังจากนั้น ในปี 61-62 รายได้จะมาจากการขายโครงการอสังหาริมทรัพย์

"S ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มบุญรอดจะกลายเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักของกลุ่มบุญรอดที่วางแผนจะมีสีดส่วนรายได้ราว 20-30% ของกลุ่มบุญรอดบริเวอร์รี่"นายนริศ กล่าว

สำหรับแผนงานในปี 58 บริษัทจะเปิดตัวโครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ เป็นอาคารสำนักงาน ศูนย์การจัดประชุมและจัดแสดงคอนเสิร์ต รวมทั้งโรงแรมและพื้นที่ค้าปลีกบนถนนอโศก-เพชรบุรี ขนาด 11-1-24 ไร่ มูลค่าเงินลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบและยื่นขออนุมัติรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปีหน้า และแล้วเสร็จในเดือน ธ.ค.60 เริ่มรับรู้รายได้ในปี 61

และมีโครงการคอนโดมิเนียม บนพื้นที่ 2 ไร่ย่านอโศกที่จะเปิดตัวปีหน้า รวมทั้งบ้านจัดสรรระดับพรีเมียม เลียบทางด่วนรามอินทรา บนพื้นที่ 30 ไร่

นายนริศ ยังกล่าวถึงการแก้ไขปัญหาฟรีโฟลตต่ำกว่าเกณฑ์ว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศที่เป็นกองทุนรวม 3-4 กองที่ให้ความสนใจเข้ามาเป็น Strategic Partner ให้เข้ามาซื้อหุ้นของบริษัท คาดว่าจะได้ข้อสรุปต้นปี 58


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ