สำหรับรายได้ของบริษัทในขณะนี้มาจาก 3 โครงการหลักที่อยู่ระหว่างพัฒนา ได้แก่ โครงการสำเพ็ง 2 โครงการทิวลิป สแควร์ และโครงการไมอามี่ บางปู มูลค่าโครงการรวมประมาณ 15,000 ล้านบาท โดย ณ สิ้นเดือน พ.ย.57 มียอดขายรอโอน(backlog)กว่า 7 พันล้านบาท และมีโครงการที่รอขายอีกกว่า 5 พันล้านบาท นอกจากนั้นยังเตรียมเปิดขายคอนโดมิเนียมในโครงการสำเพ็ง 2 อีก 2,800 ยูนิต มูลค่าโครงการราว 4,100 ล้านบาทในสัปดาห์นี้ ซึ่งขณะนี้โครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างการอนุมัติการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)
นายทนงศักดิ์ กล่าวว่า การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทอยู่ภายใต้คอนเส็ปต์เน้นการทำโครงการขนาดใหญ่ที่มีเนื้อที่ 80 ไร่ขึ้นไป ในลักษณะการสร้างเมืองใหม่ที่ประกอบด้วยที่อยู่อาศัยและพื้นที่การค้าเป็นอาคารพาณิชย์และศูนย์ค้าปลีกค้าส่ง บริเวณชานเมืองกรุงเทพและปริมณฑล ที่ยังพื้นที่ศักยภาพอีกหลายแห่ง ซึ่งหลังจากการระดมทุนด้านการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไป(IPO)จะทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)ลดเหลือต่ำกว่า 1 เท่า ช่วยให้บริษัทมีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก
"การเข้าจดทะเบียนใน mai จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการเงินของบริษัทเพื่อรองรับแผนการขยายธุรกิจ โดยบริษัทจะนำเงินไปใช้ในการซื้อที่ดิน รองรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แถบชานเมืองและปริมณฑล พร้อมทั้งใช้สำหรับพัฒนาโครงการต่างๆ ในอนาคต เพื่อสร้างความเติบโตและสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงแก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทในระยะยาว"นายทรงศักดิ์ กล่าว
JSP มีทุนชำระแล้ว 2,100 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 3,000 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 1,200 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้น IPO 1,200 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 2.60 บาท มูลค่าระดมทุนรวม 3,120 ล้านบาทและจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai)ในวันที่ 19 พ.ย.นี้
นายทนงศักดิ์ กล่าวว่า การกำหนดราคา IPO ครั้งนี้พิจารณาจากอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) ที่ 18.57 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิ 4 ไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งในปีนี้บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นมาที่ 33% จากปีก่อนอยู่ที่ 30% และอัตรากำไรสุทธิสูงขึ้นมาที่ 21% จากปีก่อนอยู่ที่ 15%
อย่างไรก็ตาม ในปีหน้าบริษัทมองโอกาสที่จะย้ายจากตลาด MAI เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) ด้วย หลังจากการดำเนินงานครบตามเกณฑ์ของ SET เนื่องจาก JSP เป็นหลักทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในปีนี้ของตลาด mai ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 10,920 ล้านบาท