(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งซิกแซกขึ้นหลังพักตัวนานจับตามาตรการคุมหุ้นร้อน

นอกจากนี้ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 3/57 ไม่มีเหตุ Surprise จากที่คาดการณ์ไว้แล้วว่าจะอ่อนตัวลง แต่ตอนนี้คนเริ่มเห็นการปรับตัวขึ้นของยอดขายและมาร์จิ้นบาง Sector เป็นสัญญาณการปรับตัวดีขึ้น เพียงแค่ยังไม่มั่นใจมากว่าการฟื้นต่อเนื่องถึงปีหน้าหรือไม่ เพราะตัวเลขยังไม่ชัด แต่นักลงทุนยังไม่คิดขายหุ้นและเมื่อราคาหุ้นปรับตัวลงมากก็จะเข้าซื้อ

อย่างไรก็ดี ระยะสั้นได้มีการมองไปที่มาตรการคุมหุ้นร้อน หากเป็นไปตามข้อมูลที่ออกมาก็คือ การยืดระยะเวลาหุ้นที่ใช้เกณฑ์ Cash Balance และ/หรือร่นระยะเวลาชำระเงินให้สั้นขึ้น หากเป็นอย่างนี้ก็มองว่าเป็นมาตรการที่ไม่รุนแรง

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้มีการเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยญี่ปุ่นได้ประกาศการเลือกตั้งแล้ว ยังมองในภาพบวกอยู่ ส่วนทางสหรัฐฯก็มีมุมมองเศรษฐกิจน่าจะดีต่อเนื่องในไตรมาส 4/57 ไปถึงครึ่งแรกปีหน้า(H1/58) ดังนั้น จึงมองว่าตลาดฯไม่ได้มีประเด็นให้ขาย

พร้อมให้แนวรับ 1,570-1,575 จุด ส่วนแนวต้าน 1,600 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

• ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(18 พ.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,687.82 จุด เพิ่มขึ้น 40.07 จุด(+0.23%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,702.44 จุด เพิ่มขึ้น 31.44 จุด(+0.67%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,051.80 จุด เพิ่มขึ้น 10.48 จุด(+0.51%)
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 40.25 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 4.22 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 63.10 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 37.09 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 7.40 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 14.05 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.38 จุด
• ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(18 พ.ย.)1,581.27 จุด เพิ่มขึ้น 12.20 จุด(+0.78%)
• นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,555.67 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 พ.ย.57
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(18 พ.ย.)ที่ 74.61 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.03 ดอลลาร์
• ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(18 พ.ย.)ที่ 7.57 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
• เงินบาทเปิด 32.78/80 แนวโน้มอ่อนค่าตามค่าเงินเยน
• รัฐบาลดันกฎหมายภาษีมรดก คาดมีผล บังคับใช้เดือน มิ.ย.2558 ทรัพย์สิน จดทะเบียนที่มีมูลค่าเกิน 50 ล้านบาท เสีย 10% ส่วนการโอนอสังหาฯมูลค่าเกิน 10 ล้าน เก็บ 5% ด้านนายกฯ ยันเกษตรกรไม่กระทบ วอนอย่าต่อต้าน ขณะอธิบดีสรรพากร เผยมีผู้เข้าข่ายเสียภาษี 1 หมื่นรายทั่วประเทศ
• ตลาดหลักทรัพย์ออกเกณฑ์คุมหุ้นร้อนวันนี้ ด้านผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ระบุมาตรการคุมหุ้นอาจกระทบบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย แต่ไม่รุนแรง ขณะที่ประเมินพีอีเรโชเอ็มเอไอยังยืนสูง หวังหุ้นไอพีโอทั้งปีนี้ทะลุ 20 บริษัท ส่วน หุ้นเล็กวิ่งแรง"สยามอินเตอร์"ชนซิลลิ่ง
• แบงก์ชาติเผยสินเชื่อไตรมาส 3 โต 5.6% ชะลอลง 8 ไตรมาสติดต่อกัน ชี้เป็นผลจากภาคธุรกิจหันระดมทุนผ่านหุ้นกู้-เพิ่มทุน นำเงินมาชำระหนี้แบงก์ ขณะที่"เอ็นพีแอล-เอสเอ็ม"ยังทะยานต่อเนื่อง ผลจากคุณภาพหนี้ครัวเรือนที่ด้อยลง โดยเฉพาะสินเชื่อบุคคล-บัตรเครดิต ส่วนพรบ.ค้ำประกันเงินกู้ รอแบงก์ส่งข้อมูลผลกระทบต่อนำมาประเมินภาพรวม
• ฟิทช์มองการควบรวมในตลาดอสังหาฯ ไทย 2-3 ปีข้างหน้าจะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้เล่นรายใหญ่ 5 อันดับแรกน้อย เหตุได้เปรียบเรื่องขนาดกับชื่อเสียงของธุรกิจ รายได้หลังควบรวมของผู้ประกอบการขนาดเล็กแต่ละรายก็ไม่เกิน 2 หมื่นล้านบาท ขณะที่ผู้เล่น รายใหญ่แต่ละรายมีรายได้ 2 หมื่นถึง 4 หมื่นล้านบาทคิดเป็น 55% ของรายได้บริษัท อสังหาฯ ที่จดทะเบียนในตลาดปี 2556
• ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น มิตซูบิชิ-นิสสันฟันธงตลาดรถไทยร่วงหนักคาดหัวทิ่มเหลือแค่ 8.5 แสนคันจากที่หลายฝ่ายประเมิน 9 แสนคัน หวัง"มิตซูบิชิ ไทรทัน"ช่วยฉุดยอดขาย เผยปลายปีหน้าเตรียมส่ง"ปาเจโร สปอร์ต"เสริมทัพ ขณะที่นิสสันเปิดตัวเอสยูวี"เอ็กซ์เทรลใหม่"ตั้งเป้าขาย 8,000 คันต่อปี ด้านบีเอ็มดับเบิลยูประกาศลงทุน 600 ล้านบาทขึ้นไลน์ประกอบเครื่องยนต์ในเมืองไทยเริ่มปลายปีหน้า

*หุ้นเด่นวันนี้

• JSP (บมจ.เจ. เอส. พี. พร็อพเพอร์ตี้)เข้าเทรดวันนี้วันแรกตลาด MAI บล.ทิสโก้ ระบุหากการรับรู้รายได้ 6.6 พันล้านบาทของโครงการสำเพ็ง 2 ในปีหน้าเป็นไปตามคาดการณ์โดยไม่มียอดโอนล่าช้า ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมไว้ที่ 4.3-4.6 บาทสำหรับปี 58F อ้างอิง PER ที่ 15-16 เท่าใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ ธุรกิจให้เช่าสินทรัพย์อาจมีความสี่ยงจากการเดินทางที่ลำบากกว่าจะสร้างพื้นที่จอดรถและโครงการรถไฟฟ้าใต้ดินยังต้องใช้เวลาอีกนาน นอกจากนี้ บริษัทจำเป็นต้องหาโครงการใหม่เพิ่มเติมเพื่อผลักดันการเติบโตในปี 59-60

JSP ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในแนวราบเป็นหลัก โดยจะเน้นอาคารพาณิชย์เพื่อจำหน่ายมากกว่าอาคารที่พักอาศัย และมีบริการเช่าสินทรัพย์ทั้งระยะสั้นและระยะยาว

• TUF(ดีบีเอส วิคเคอร์ส)"ซื้อไป้ 88 บาท ยังน่าสนใจจากเรื่องการแตกพาร์ แรงกระตุ้นราคาหุ้นที่ดีต่อไปคือ บริษัทประกาศปรับลดพาร์จาก 1 บาท เป็น 0.25 บาท หากใช้ราคาปิดวานนี้ที่ 84.75 บาท ราคาหุ้นจะลดลงเหลือเพียง 21.19 บาท โดยจะเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้น 24 ธ.ค.57 และจะเริ่มใช้พาร์ใหม่ได้ประมาณ 30 ธ.ค.57 ขณะที่พื้นฐาน TUF แข็งแกร่ง
• KBANK(ดีบีเอส วิคเคอร์ส)ยังให้เป็นหุ้น Top Pick ราคาพื้นฐาน 280 บาท มีมุมมองว่าธนาคารยังมีจุดเด่นเรื่องการกระจายความเสี่ยงของรายได้และฐานลูกค้าที่ดี รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยขยายตัวสูง และมี ROE &คุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่ง
• ITD,CK(เคทีบี)"เก็งกำไร"ได้แรงหนุนจากข่าวความร่วมมือไทย-จีนในการก่อสร้างรถไฟรางคู่สายหนองคาย-มาบตาพุด ซึ่งคาดว่า บริษัททั้งสองมีศักยภาพที่จะเข้าร่วมงานดังกล่าวในอนาคต โดยให้ราคาเป้าหมาย ITD, CK ตาม IAA Consensus เท่ากับ 8.50(high range), 32.53 บาท ตามลำดับ