"ไม่ใช่มาตรการใหม่ และไม่ใช่การให้ยาแรง แต่จะดำเนินการความความจำเป็นของหุ้นแต่ละตัว"นางภัทธีรา กล่าว
ทั้งนี้ นางเกศรา ชี้แจงว่า มาตรการที่หารือกันเป็นข้อสรุปแล้ว ได้แก่ มาตรการแรก หากหุ้นที่ราคาร้อนแรงตัวใดติด Trading alert ก็จะต้องเข้าเกณฑ์ใช้ Cash balance ทันทีเป็นเวลา 3 สัปดาห์
มาตรการที่ 2 หากราคาหุ้นดังกล่าวยังคงเคลื่อนไหวผิดปกติ สามารถติด Trading alert เป็นครั้งที่ 2 ได้ และใช้เกณฑ์ Cash balance ต่ออีก 3 สัปดาห์ และห้ามใช้หุ้นตัวนั้นเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน
มาตรการที่ 3 หากหุ้นตัวใดติด Trading alert เป็นครั้งที่ 3 ก็จะไม่อนุญาตให้ทำ Net settlement
นางเกศรา กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวจะเป็นมาตรการที่นำเข้ามาใช้เป็นระยะยาว โดยทาง ตลท. จะเสนอให้กับ ก.ล.ต. ภายในเดือนนี้ และเชื่อว่าจะสามารถนำมาบังคับใช้ได้ในปี 58
ขณะที่นางภัทธีรา กล่าวว่า ข้อดีของเกณฑ์ดังกล่าวที่มีการปรับปรุงนั้นคือไม่ใช่มาตรการที่รุนแรง แต่เป็นมาตรการที่ค่อยเป็นค่อยไปตามขั้นตอนความจำเป็นของหุ้นแต่ละตัว ซึ่งจะไม่สร้างความเสียหายต่อบรรยากาศการลงทุน และเป็นการเตือนนักลงทุนให้มีการตัดสินใจให้ดีก่อนที่จะเข้าไปลงทุนในหุ้นตัวนั้นๆ
"เราไม่ได้มีการออกมาตรการใหม่ แต่เราใช้การปรับมาตรการเดิมให้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมาตรการนี้ไม่ใช่ยาแรงแต่เป็นกระบวนการที่ค่อยเป็นค่อยไปและไม่สร้างความเสียหายให้กับตลาด ก็คิดว่ามาตรการที่นำมาใช้จะได้ผลเพราะเป็นมาตรการที่ค่อยๆปรับขึ้น และขึ้นไปถึงไม่สามารถ net settlement ใน 1 วัน ซึ่งถือว่าเป็นแรงสุด เชื่อว่าจะมาช่วยให้ตลาดมีเสถียรภาพ และดูแลภาวะตลาดใหมีความเหมาะสมและไม่เกิดภาวะลูกโป่งแตก"นางภัทธีรา กล่าว