พร้อมกันนั้น บริษัทยังได้เจรจาเข้าซื้อกิจการธุรกิจน้ำมันเตา และคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือน พ.ย.นี้เช่นกัน ประมาณการเงินลงทุนไม่เกิน 200 ล้านบาท โดยบริษัทแห่งนี้สามารถทำกำไรต่อเนื่องปีละประมาณ 20-30 ล้านบาท อีกทั้งยังมีโอกาสเข้าถือหุ้นจากบริษัทโทรคมนาคมแห่งหนึ่งที่มีงานใหม่เข้ามาต่อเนื่องแต่ขาดเงินทุน ซึ่งบริษัทคาดว่าจะเข้าไปร่วมทุน
ส่วนการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์นั้น นายกังวาล กล่าวว่า บริษัทได้ยุติการศึกษาไปแล้ว เพราะพบว่าให้ผลตอบแทนต่ำ ไม่คุ้มค่าการลงทุน
นายกังวาล กล่าวว่า จากการเข้าร่วมทุนธุกิจใหม่และขยายธุกิจเดิม ทำให้บริษัทมีความจำเป็นต้องการเงินทุนเพิ่มเติม ซึ่งพิจารณาออกหุ้นเพิ่มทุนเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้น(RO) และเพื่อทำให้บริษัทขยายฐานทุนได้ครบตามคุณสมบัติที่บริษัทมีแผนจะย้ายเข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์(SET)ในปี 58 โดยปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 210 ล้านบาท ก็จะเพิ่มทุนให้ได้ตามเกณฑ์ที่ 300 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรเติบโต 39% มา 3 ปีติดต่อกัน
นอกจากนี้ บริษัทจะจัดหาเงินกู้เพิ่มเติม โดย ณ เดือน ก.ย.57 อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E)อยู่ที่ 1.4 เท่า โดยนโยบายจะดูแลให้ D/E ไม่เกิน 2 เท่า และที่ผ่านมาบริษัทได้ระดมทุนจากการออกวอแรนท์ 60 ล้านหน่วย กำหนดราคาแปลงสิทธิหุ้นละ 6.30 บาท คาดได้เงินทุนเข้ามา 350 ล้านบาทในช่วงระยะเวลา 2 ปีครึ่งจากนี้
นายกังวาล เปิดเผยอีกว่า บริษัทยังได้เจรจากับกลุ่มบริษัทเกาหลีที่พร้อมจะสนับสนุนเงินทุนให้กับบริษัทในกรณีที่จะเข้ารับงานโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม และอาจจะเข้ามาเป็น Business Partner ด้วย
สำหรับผลประกอบการในปีนี้ นายกังวาล กล่าวว่า กำไรของบริษัทจะเติบโตถึงกว่า 110% และรายได้น่าจะเติบโตราว 40-50% มาที่ 1,400 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายก่อนหน้านี้ที่คาดว่าจะเติบโต 30% และกำไรเติบโต 40% เนื่องจากช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ บริษัททำกำไรสุทธิไปแล้ว 118.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 42.34 ล้านบาท ส่วนรายได้อยู่ที่ 1,280 ล้านบาท หลังจากบริษัทได้งานขนาดใหญ่เข้ามาเพิ่มเติม
ขณะที่ไตรมาส 4/57 คาดว่าจะรับรู้รายได้ราว 200 ล้านบาท จากงานที่มีอยู่ในมือ(backlog) ที่มีอยู่กว่า 1 พันล้านบาท
อนึ่ง ในปี 56 IRCP มีรายได้ 1,046.73 ล้านบาท กำไรสุทธิ 60.51 ล้านบาท
นายกังวาล กล่าวว่า ในปี 58 บริษัทคาดว่ารายได้จะขยายตัวอย่างน้อย 20% จากภาพตลาดรวมมีความต้องการขยายโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมอีกจำนวนมาก เพื่อรองรับนโยบายของรัฐบาลที่จะสร้าง Digital Economy และยังมีงานวางโครงข่ายดิจิตอลทีวีที่ผู้วางโครงข่าย (MUX) จะต้องลงทุนต่อเนื่อง รวมทั้งคาดว่าจะมีการเปิดประมูล 4G ซึ่งจะมีงานวางโครงข่ายเพิ่มเติมอีก
ทั้งนี้ ในปีหน้าบริษัทคาดว่าจะรับรู้กำไรจากบริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท ไอดี ดิสทริบิวชั่น จำกัด (ITDC) และ บริษัท การ์ด ซิสเต็มส์ แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (CSM) รวมกันประมาณ 50 ล้านบาท นอกจากนั้นยังเตรียมนำ ITDC เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai) โดยจะยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ได้ประมาณกลางปี 58 และคาดว่าจะเข้าเทรดในไตรมาส 3 หรือไตรมาส 4 ของปีหน้า