อย่างไรก็ดี บริษัทคาดหวังว่าการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันโอเปกในวันที่ 27 พ.ย.นี้ จะมีการลดกำลังผลิตลง ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันกลับไปยืนเหนือระดับ 90 เหรียญ/บาร์เรลได้อีกครั้ง แต่หากไม่มีการลดกำลังผลิตจะกดดันให้ราคาน้ำมันอยู่ในระดับต่ำต่อไป
ทั้งนี้บริษัทฯ ได้มีการปรับกลยุทธ์โดยวิธีลดการสต๊อกน้ำมันดิบ เพื่อป้องกันความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นกับความผันผวนของราคา ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ สต๊อกน้ำมันไว้ที่ราว 8.6 ล้านบาร์เรล ถือว่าเกินกว่ากฎหมายกำหนดไปถึง 4.6 ล้านบาร์เรล จึงอาจจะมีการปรับลดลงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยต้องไม่กระทบกับกำลังการผลิต
"เรามีการปรับกลยุทธ์การสต็อกน้ำมัน จากปัจจุบันที่เกินเกณฑ์อยู่ราว 4.6 ล้านบาร์เรล โดยจะปรับให้อยู่ในระดับเดียวกันกับกฎหมาย หรือให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ต้องเพียงพอต่อการกลั่น เพื่อลดความสูญเสียของต้นทุน ที่จะได้รับผลกระทบจากความผันผวนของราคาน้ำมัน"นายฉัตรฐาพงศ์ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนในปี 58 ไว้จำนวน 319 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และใช้ในโครงการลงทุนต่อเนื่อง ได้แก่ โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก 2 แห่ง กำลังการผลิตรวม 239 เมกกะวัตต์ รวมถึงโครงการโรงงาน LABIX
ส่วนโครงการสร้างโรงกลั่นในประเทศพม่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นขอใบอนุญาตต่างๆ และยังไม่สามารถให้รายละเอียดได้ โดยคาดว่าจะมีข้อสรุปในไตรมาส 1/58