สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA)สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทย ( 19 พ.ย. 57 ) มีมูลค่าการซื้อขายรวม 55,485 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 32,508 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 58.6% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 15,090 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 27.2% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 2,151 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3.9% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB37DA, LB236A และ LB21DA (รุ่นอายุ 23.1 ปี, 8.6 ปี และ 7.1 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 11,098 ล้านบาท หรือคิดเป็น 74% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของ บมจ. อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL243A) มูลค่า 519 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของ บจ. โตโยต้า ลีสซิ่ง(ประเทศไทย)(TLT155A) มูลค่า 291 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของ บมจ. น้ำตาลขอนแก่น(KSL14DA) มูลค่า 245 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 1,054 ล้านบาท หรือคิดเป็น 49% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,140 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 405 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ 2,492 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.04% ไม่เปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 2.47% ไม่เปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน
Yield Curve ค่อนข้างนิ่ง ขณะที่มูลค่าการซื้อขายในตลาดค่อนข้างเบาบาง โดยผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติให้คงนโยบายการเงินที่ดำเนินการอยู่ และนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ประกาศจะยุบสภาในวันที่ 21 พ.ย. พร้อมกับเลื่อนแผนการปรับขึ้นภาษีการบริโภคไปเป็นเดือน เม.ย. ปี 2560 สำหรับนักลงทุนต่างชาติวันนี้มียอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 2,492 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรายการขายต่อเนื่องจากช่วงเย็นของเมื่อวาน