ส่วนการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO)ของบมจ.โกลบอล พาวเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) คาดว่าจะดำเนินการได้ในช่วงครึ่งแรกของปี 58 เช่นกัน ทั้งนี้ GPSC มีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 6,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 65 โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ 1,800 เมกะวัตต์ ซึ่งตามแผนการเพิ่มกำลังการผลิตใหม่ได้แก่ การเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าในพม่า กำลังการผลิต 2,000 เมกะวัตต์ ซึ่งร่วมกับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) และลงทุนพลังงานทดแทน
นอกจากนี้มีโรงไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้างและจะจ่ายไฟในเชิงพาณิชย์(COD) ได้ในปี 59 จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ โรงไฟฟ้าSPP ที่รวมกับบมจ.นวนคร (NNCL) กำลังผลิต 120 เมกะวัตต์ และ โรงไฟฟ้าน้ำลิก ในลาว กำลังผลิต 65 เมกะวัตต์ และในปี 62 โครงการไซยะบุรีก็จะจ่ายไฟได้ โดยมีกำลังการผลิตถึง 1,200 เมกะวัตต์ (ถือ 25%)
สำหรับงบลงทุนในช่วง 5 ปี (57-61) ปตท.ตั้งงบลงทุนจำนวน 3.27 แสนล้านบาท โดยส่วนใหญ่หรือ 42% ของงบลงทุนจะเน้นลงทุนธุรกิจก๊าซ ได้แก่ การขยายเส้นทางท่อก๊าซที่ 4 ใช้งบ 4 หมื่นล้านบาทโดยจะขยายเส้นทางไป ระยอง-แก่งคอย-นครราชสีมา และ นครสวรรค์ การวางท่อก๊าซเส้นที่ 5 ใช้งบ 1 แสนล้านบาท ที่จะเริ่มจากระยอง ผ่านอยุธยา และข้ามไปฝั่งตะวันตก และ แผนการลงุทนคลัง LNG (LNG Terminal) เฟส 3 งบลงทุน 3 หมื่นล้านบาท รวมทั้งการขยายสถานีบริการก๊าซ NGV จำนวน 511 แห่ง นอกจากนี้ สัดส่วน 38%ของงบลงทุนปตท.เตรียมไว้สำหรับการลงทุนร่วมุทน หรือซื้อกิจการ อย่างไรก็ตามก็จะมีการทบทวนงบลงทุน 5 ปี ทุกปี
นางสาวกัญญามาศ กล่าวว่า จากผลการปรับราคาก๊าซ NGV ขึ้นมา 1 บาท มาที่ 11.50 บาท/กก. ทำให้ปตท.ลดภาระขาดทุนได้ 600 ล้านบาทในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ จากที่รับภาระขาดทุนไว้ 2 หมื่นล้านบาท และคาดว่าในปีหน้าจะได้ปรับขึ้นราคาอีก 2 บาท/กก. ก็จะช่วยลดภาระขาดทุนได้ 5 พันล้านบาท ทั้งนี้ ต้นทุนราคา NGV ปัจจุบันอยู่ที่ 16 บาท/กก.
ขณะที่ ภาครัฐได้ปรับขึ้นราคาก๊าซ LPG ทั้งภาคขนส่งและครัวเรือน แต่นำเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ปตท.จึงต้องรอให้ฐานะกองทุนดีขึ้นก่อน ทั้งนี้ ปตท.ยังรับภาระก๊าซ LPG ซึ่งราคา ณ โรงแยกก๊าซอยู่ที่ 550 เหรียญ/ตัน หรือประมาณ 27 บาท/กก.