นอกจากนี้ บริษัทมุ่งพัฒนา 4 ธุรกิจหลักเพื่อรองรับอุตสาหกรรมอาหารและส่งออกที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ได้แก่ กลุ่มธุรกิจเครื่องทำความเย็น กลุ่มธุรกิจอาหารเหลว กลุ่มธุรกิจวิศวกรรมแปรรูปอาหาร และ กลุ่มธุรกิจเครื่องทำน้ำแข็ง
นายแสงชัย กล่าวว่า บริษัทคาดว่าจะสามารถนำหุ้น PK กลับเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้อีกครั้งในเร็วๆ นี้ หลังตอนนี้ปัญหาต่างๆได้รับการแก้ไขแล้ว โดยบริษัทได้ยื่นคำขอต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ไปเมื่อเมื่อ 10 ต.ค.57 และขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
ทั้งนี ผลประกอบการในปี 57 บริษัทมั่นใจว่าจะพลิกเป็นกำไร จากปีก่อนที่มีผลขาดทุน 82 ล้านบาท เนื่องจากงวด 9 เดือนมีกำไรสุทธิแล้ว 132 ล้านบาท ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 4/57 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีทั้งรายได้และกำไร เพราะมีการส่งมอบเครื่องจักรให้ลูกค้ามากที่สุด ซึ่งจะทำให้บริษัทมีผลกำไรติดต่อกัน 4 ไตรมาสตามเกณฑ์ของ ตลท.และมีการปรับโครงสร้างหนี้เรียบร้อยล้ว โดยขณะนี้ส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นบวก จึงพร้อมนำหุ้นกลับเข้าซื้อขายอีกครั้ง
สำหรับปี 58 ตั้งเป้ารายได้รวมเติบโต 10% จากปีนี้ที่คาดว่าจะรายได้ 4,200 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีงานในมือรอรับรู้รายได้(backlog)ราว 1,700 ล้านบาทที่จะทยอยรับรู้เป็นรายได้ถึงไตรมาส 2/58 และระหว่างทางยังเชื่อว่าจะมีงานใหม่เพิ่มเข้ามาอีก
นายแสงชัย กล่าวว่า บริษัทเตรียมงบลงทุนในปีหน้า 300 ล้านบาท แบ่งเป็นการใช้สร้างโรงงานใหม่ย่านพระราม 2 ราว 200 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างต้นปี 58 คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี เพื่อขยายการผลิตเพิ่มอีก 30% ซึ่งแหล่งเงินทุนมาจากการกู้สถาบันการเงิน 50% และกระแสเงินสดของบริษัท 50% ส่วนเงินทุนอีก 100 ล้านบาทใช้เพื่อซื้อเครื่องจักร โดยขณะนี้บริษัทมีเงินสดราว 400-500 ล้านบาทเพียงพอในการขยายธุรกิจไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน