สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA)สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทย ( 21 พ.ย. 57) มีมูลค่าการซื้อขายรวม 58,238 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 38,047 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 65.3% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 14,061 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 24.1% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 1,099 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.9% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB155A และ LB21DA (รุ่นอายุ 4.6 ปี, 0.5 ปี และ 7.1 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 8,063 ล้านบาท หรือคิดเป็น 57% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด(TLT174A) มูลค่า 221.5 ล้านบาท
2. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด(TLT162A) มูลค่า 193.4 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)(MINT178A) มูลค่า 111.1 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 526.0 ล้านบาท หรือคิดเป็น 47.8% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 7,234 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,753 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,230 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.04% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 2.46% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01%
Yield Curve ปรับตัวลดลงในตราสารอายุ 5 ปี ประมาณ 2 bps. และปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง ด้านต่างประเทศ สหรัฐฯประกาศตัวเลขเศรษฐกิจโดยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลง 2,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 291,000 ราย และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทรงตัวในเดือน ต.ค. ตรงข้ามกับที่คาดการณ์ว่าจะลดลง 0.1% ในขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือน พ.ย. อยู่ที่ 54.7 ลดลงจาก 55.9 เมื่อเดือน ต.ค. และเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือน สำหรับนักลงทุนต่างชาติวันนี้มียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 1,230 ล้านบาท ทั้งนี้ยอด Holding ของนักลงทุนต่างชาติ ณ สิ้นสัปดาห์นี้ ลดลง 2,185 ล้านบาท จาก 682,848 ล้านบาทในสัปดาห์ก่อน เป็น 680,663 ล้านบาท