นอกจากนี้ ในปี 58 บริษัทยังมีการรับรู้รายได้จากโรงงานผลิตไฟฟ้าชีวมวลจากกากอ้อยทั้ง 2 แห่งเต็มกำลังการผลิตรวม 16 เมกะวัตต์ โดยโรงไฟฟ้าชีวมวลแห่งแรกได้ดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ไปแล้วเมื่อเดือนพฤษภาคม 55 และโรงไฟฟ้าชีวมวลแห่งที่ 2 จะเริ่มดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในช่วงต้นปี 58 ซึ่งจะเป็นที่เข้าเสริมรายได้ของบริษัทให้มากขึ้น
ขณะที่ในช่วงเดือนธันวาคม บริษัทจะนำแผนการลงทุนโรงงานผลิตเอทานอล กำลังการผลิต 1.5-2 แสนลิตร/วัน มูลค่าลงทุน 700-800 ล้านบาท และแผนการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลจากกากอ้อยแห่งที่ 3 กำลังการผลิตไฟฟ้า 8 เมกะวัตต์ มูลค่าลงทุน 400 ล้านบาท โดยโรงงานผลิตไฟฟ้าจากชีวมวลแห่งที่ 3 นั้นคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างภายในต้นปี 58 และจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปลายปี 58 โดยคาดว่าจะเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงปี 59
ทั้งนี้บริษัทคาดสัดส่วนกำไรจากธุรกิจพลังงานทดแทนภายใน 3 ปีข้างหน้าจะเพิ่มเป็นมากกว่า 50% จากปัจจุบันมีสัดส่วนกำไรจากธุรกิจพลังงานทดแทนอยู่ที่ 10%
ส่วนปริมาณการผลิตอ้อยเข้าหีบในปีหน้าบริษัทตั้งเป้าเพิ่มเป็น 2.1 ล้านตันอ้อย/ปี จากปัจจุบันที่มีปริมาณการผลิตอ้อยเข้าหีบอยู่ที่ 1.77 ล้านตันอ้อย/ปี นอกจากนี้ยังได้ตั้งเป้าภายใน 3 ปีข้างหน้าจะเพิ่มปริมาณการผลิตอ้อยเข้าหีบเป็น 3.3-3.5 ล้านตันอ้อย/ปี
นายอนันต์ กล่าวต่อว่า สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 4/57 คาดว่าจะเป็นไตรมาสที่มีรายได้และกำไรสุทธิมากที่สุดของปีและมากกว่าไตรมาส 3/57 เนื่องจากในไตรมาส 4/57 บริษัทคาดว่าจะมีปริมาณยอดขายน้ำตาลสูงถึง 50,000 ตัน เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/57 ที่มีปริมาณยอดขายน้ำตาลอยู่ที่ 10,000 ตัน ทำให้แนวโน้มรายได้และกำไรสุทธิในไตรมาส 4/57 จะสุงที่สุดในปีนี้