ทั้งนี้ ภายใต้แผนระยะยาวของบริษัทใน 2-3 ปีข้างหน้า บริษัทตั้งเป้าขยายสาขา 4-5 สาขาในประเทศต่อปี และสาขาในเวียดนาม 1-2 สาขาต่อปี โดยจะใช้เงินลงทุนราวปีละ 4.5 พันล้านบาท
ส่วนยอดขายของบริษัทในปีนี้คาดว่าจะต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เติบโต 10% จากปีก่อนที่มียอดขายอยู่ที่ 2.43 หมื่นล้านบาท เนื่องจากในปีนี้กำลังซื้อของลูกค้าได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีจากปัญหาความไม่สงบทางการเมืองในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดขายของบริษัท 9 เดือนแรกของปีนี้ติดลบ 1.6% หรือคิดเป็น 5.77 พันล้านบาท เทียบกับ 9 เดือนแรกของปีก่อนที่มียอดขาย 1.72 หมื่นล้านบาท โดยยอดขายจากจากสาขาเดิม (SSS) ก็ติดลบ 5.7% ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากยอดขายของสาขาในต่างจังหวัดที่ลดลง
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้จะมากกว่า 24.3% หลังจาก 9 เดือนแรกอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นมาที่ 24.4% เนื่องจากลูกค้าระดับบนยังมีการจับจ่ายใช้สอยสินค้าอย่างต่อเนื่องและมีมูลค่าการซื้อสินค้าที่สูงและบริษัทยังมีการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีอยู่ในระดับหนึ่ง จึงส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทยังอยู่ในดับที่สูงกว่าปีก่อน
นอกจากนี้ บริษัทยังได้เตรียมงบการตลาด 100 ล้านบาท เพื่อส่งแคมเปญต้อนรับเทศกาลในช่วงโค้งสุดท้ายของปี ซึ่งเป็นการกระตุ้นยอดใช้จ่ายของลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้นในช่วงไฮซีซั่น ประกอบกับบริษัทเตรียมเปิดสาขาใหม่ในประเทศ 2 สาขา ได้แก่ สาขาปราจีนบุรี และสาขามุกดาหาร และในเวียดนาม เมืองโฮจิมินทร์ 1 สาขา ในช่วงเดือนธันวาคมนี้