“ช่วงที่ผ่านมาบริษัททำโปรโมชั่นด้วยส่วนลด เพื่อระบายสินค้าล้าสมัยกระตุ้นยอดขายได้สำเร็จตามเป้าหมายถึงแม้จะส่งผลให้ผลประกอบการปรับตัวลดลง แต่ในไตรมาส 4 สิ่งเหล่านี้จะเริ่มลดน้อยลงแล้ว เพราะคาดว่ากำลังซื้อน่าจะกลับมาสู่ภาวะปกติและผลประกอบการน่าจะดีขึ้น"นายทรงพล กล่าว
นายทรงพล กล่าวต่อไปว่ารายได้ในปีนี้บริษัทยังคงมั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้าหมายคือทะลุ 2,500 ล้านบาท จากปี 56 ที่มีรายได้ 2,231.25 ล้านบาท
ขณะที่อัตรากำไรสุทธิใกล้เคียงกับปีก่อนเล็กน้อยจากสถานการณ์จอดำเกือบ 30 วัน ในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา และความไม่ชัดเจนในการเรียงช่องของทีวีดิจิตอล
ส่วนในปีนี้บริษัทจะมีร้านค้าปลีกเพิ่มขึ้นจาก 77 สาขาเป็น 83 สาขา ทำให้การจำหน่ายสินค้าครอบคลุมพื้นที่และการจัดส่งสินค้ามีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม งบการเงินรวมในไตรมาส 3/57 บริษัทขาดทุน 2.98 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 9.95 บาท ส่วนงบการเงินรวมในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 28.79 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 50.68 ล้านบาท ขณะที่งบการเงินเฉพาะกิจการในไตรมาส 3/57 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 6.40 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 14.72 ล้านบาท และงบการเงินเฉพาะกิจการช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 152.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 68.69 ล้านบาท
“สาเหตุที่ผลประกอบการในไตรมาส 3 ปีนี้ขาดทุนเพราะบริษัทตัดสินใจทำโปรโมชั่นสต็อกสินค้าล้าสมัยที่ค้างบวกกับทำโปรโมชั่นส่งเสริมการขายในสภาวะที่ผู้บริโภคมีกำลังซื้อลด จึงทำให้ผลกำไรไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่วนอนาคตบริษัทเตรียมลงระบบปฏิบัติการใหม่ ด้วยงบลงทุนกว่า 25 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ระบบปฏิบัติการมีประสิทธิภาพและรองรับการทำงานได้มากยิ่งขึ้น และในปีหน้าบริษัทก็เตรียมลุยอีคอมเมิร์ซอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะช่วยเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้ครอบคลุมและตรงตามไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคทุกกลุ่มด้วย" นายทรงพล กล่าว