"การร่วมมือกันถือเป็นการต่อยอดธุรกิจที่ลงตัว ด้วยจุดเด่นและจุดแข็งของทั้งสองบริษัท โดยทาง FSMART มีจุดแข็งในเรื่องจำนวนตู้เติมเงินออนไลน์บุญเติมที่ให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 40,000 ตู้ มีผู้ใช้งานมากกว่า 1 ล้านคนต่อวัน และจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนตู้ที่เพิ่มขึ้นทุกปี ขณะที่ แพลน บี มีเดีย เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อดิจิตอลที่มีลูกค้าจำนวนมาก ความร่วมมือดังกล่าวจึงเป็นการโฆษณาประชาสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่ที่สามารถเข้าถึงผู้ใช้บริการได้โดยตรง"นายสมชัย กล่าว
ขณะเดียวกัน การโฆษณาประชาสัมพันธ์ในลักษณะนี้ยังสามารถตอบสนองความต้องการของเจ้าของสินค้าที่ต้องการส่งเสริมการตลาดให้คุ้มค่าด้วยการยืนยันจำนวนผู้ใช้งานตู้เติมเงินได้ตามจริง ตลอดจนบันทึกข้อมูลพื้นฐานของผู้ใช้บริการและแบ่งกลุ่มประเภทของผู้บริโภคได้อย่างแม่นยำ สำหรับรายได้จากธุรกิจโฆษณา FSMART คาดว่าจะมีสัดส่วน 3-5% ของรายได้รวมในปี 58 นอกเหนือจากธุรกิจเติมเงินมือถือที่ยังคงเป็นรายได้หลัก ธุรกิจรับชำระเงิน ธุรกิจช่องทางการขายสินค้า และธุรกิจอื่นๆ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีรายได้รอบด้าน เพื่อมุ่งสู่การเป็น Digital Retail Channel อย่างแข็งแกร่งในอนาคต
นายสมชัย เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 58 เติบโตขึ้นเป็น 1,550 ล้านบาท ตามยอดเติมเงินที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 15,000 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้กำไรสุทธิเติบโตมากกว่า 30% ในทิศทางเดียวกันกับยอดเติมเงิน ขณะที่บริษัทวางงบลงทุนประมาณ 400 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และเพิ่มตู้เติมเงินอีก 15,000 ตู้ เพื่อทำให้จำนวนตู้เติมเพิ่มเป็นทั้งสิ้น 57,000 ตู้
ส่วนผลประกอบการในปีนี้บริษัทคาดว่ารายได้จะมากกว่า 1,000 ล้านบาท มาจากการเพิ่มตู้เติมเงินออนไลน์บุญเติม ซึ่งสิ้นปีนี้จะมีจำนวนตู้เพิ่มเป็น 42,000-43,000 ตู้ และจะมียอดเติมเงินเพิ่มเป็น 10,400 ล้านบาท
ปัจจุบัน รายได้ของ FSMART มาจากธุรกิจเติมเงินมือถือเป็นหลัก คิดเป็นสัดส่วน 95% ของรายได้รวม อีกทั้ง ยังมีรายได้จากธุรกิจรับชำระเงิน ธุรกิจช่องทางการขายสินค้า และธุรกิจอื่นๆ ซึ่งการร่วมมือในครั้งนี้จะส่งผลให้ FSMART มีรายได้รอบด้าน และเป็นช่องทางมุ่งสู่การเป็น Digital Retail Channel อย่างแข็งแกร่งในอนาคต