ประกอบกับ ในปีนี้ทุกธุรกิจมีการเติบโตได้ดี โดยธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายสายสัญญาณคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 1.65 พันล้านบาท รวมถึง Submarine Cable และอินเตอร์ลิ้งค์ ดาต้า เซ็นเตอร์ นอกจากนี้บริษัทจะรักษาอัตรากำไรสุทธิในปีนี้ไว้ที่ 8% แต่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามสัดส่วนธุรกิจโทรคมนาคมที่มีอัตรากำไรสูงกว่าธุรกิจอื่น
ขณะที่ปี 58 บริษัทคาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นเป็น 2.8 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 250 ล้านบาท โดยบริษัทยังมั่นใจธุรกิจทั้ง 4 ด้านจะยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับบริษัทฯจะรักษาระดับ backlog ของงานวิศวกรรมติดตั้งเคเบิ้ลใต้น้ำให้อยู่ที่ราว 800 ล้านบาท เพื่อเป็นปัจจัยหลักในการผลักดันรายได้ให้เข้าสู่เป้าหมายที่วางไว้ว่าจะมีรายได้แตะ 3 พันล้านบาทในปี 59
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะปรับสัดส่วนรายได้ของธุรกิจโทรคมนาคมเพิ่มขึ้นปีละ 5% จากปัจจุบันที่ 10% เนื่องจากมีอัตรากำไรสุทธิถึง 40% ขณะที่สัดส่วนรายได้จากธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายลงปีละ 5% จากปัจจุบันมีสัดส่วน 65% เนื่องจากมีอัตรากำไรสุทธิเพียง 8% แต่อย่างไรก็ตาม ธุรกิจดังกล่าวก็ยังมีการเติบโตอย่างน้อยปีละ 20% ตามการเติบโตของภาพรวมตลาด ขณะที่ธุรกิจวิศวกรรมเคเบิ้ลใต้น้ำจะรักษาสัดส่วนไว้ที่ 20-30% ของรายได้
นายณัฐนัย กล่าวต่อว่า บริษัทยังคงแผนนำบริษัทลูก คือบริษัท อินเตอร์ลิงค์ เทเลคอม เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai)ช่วงปลายปี 58 ถึงต้นปี 59 ปัจจุบันอยู่ระหว่างคัดเลือกที่ปรึกษาทางการเงินและใกล้จะได้ข้อสรุปแล้ว ส่งผลให้การนำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนเร็วกว่าแผนเดิมที่วางเป้าหมายไว้ในปี 59
"เบื้องต้นเราจะดันบริษัทฯลูกเข้า mai ก่อน เพราะมีขั้นตอนที่น้อยกว่า แล้วเราค่อยๆผลักดันให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเข้าไปใน SET ต่อไป"นายณัฐนัย กล่าว