นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บล.บัวหลวง ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่าย JASIF กล่าวว่า คาดจะสามารถเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุน JASIF ได้ทันภายในปีนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งได้นับหนึ่งร่างหนังสือชี้ชวนเมื่อ 12 พ.ย.57
สำหรับการกำหนดช่วงราคาเสนอขายอยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติหลังสำรวจความต้องการ(book build)ของนักลงทุนสถาบัน โดยจำนวนหน่วย 5,500 ล้านหน่วย จะแบ่งขายให้ผู้ลงทุนในประเทศ 60% หรือ 3,300 ล้านหน่วย (ผู้ลงทุนทั่วไป 806 ล้านหน่วย สถาบัน 660 ล้านหน่วย และ JAS 1.8 พันล้านหน่วย) นักลงทุนต่างประเทศ 40% หรือ 2.2 พันล้านหน่วย ซึ่งการกำหนดราคาดูจากความต้องการของนักลงทุนเป็นหลัก
นายพิชญ์ โพธารามิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JAS เปิดเผยว่า ทรัพย์สินที่กองทุนจะเข้าลงทุนครั้งแรกได้แก่ กรรมสิทธิในเส้นใยแก้วนำแสง 9.8 แสนคอร์กิโลเมตร ประกอบด้วย เส้นใยแก้วนำแสง 8 แสนคอร์กิโลเมตร ที่บมจ.ทริปเปิลที บรอดแบนด์ (TTTBB) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ JAS จะส่งมอกรรมสิทธิ์แรกให้กองทุน ณ วันซื้อขายเส้นใยแก้วนำแสงเสร็จสิ้น และอีก 1.8 หมื่นคอร์กิโลเมตรจะส่งมอบให้กองทุนภายใน 2 ปี
จุดเด่นของกองทุน คือ รายได้ค่าเช่าสม่ำเสมอ มีโอกาสจ่ายผลตอบแทนที่น่าสนใจให้กับผู้ถือหน่วย ซึ่งรายได้ค่าเช่าจะเป็นไปตามสัญญาเช่าระหว่างกองทุนกับ TTTBB ซึ่งจะปรับขึ้นตามดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) แต่ไม่เกิน 3% โดยคาดปีแรก(58)กองทุนจะสามารถจ่ายเงินให้กับผู้ถือหุ้นหน่วยลงทุนได้ 4.9 พันล้านบาท โดยแบ่งเป็นในรูปของเงินปันผล 4.5 พันล้านบาท และการลดทุน 461 ล้านบาท
ทั้งนี้ JAS จะถือหน่วยลงทุน 33.33% ของจำนวนหน่วยลงทุนทั้งหมด ในปีที่ 1-3 และจะถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 19% ในปีที่ 4-6 ซึ่งเงินที่ได้จากการระดมทุนหลักๆจะนำไปซื้อเส้นใยแก้วนำแสง เพื่อที่จะกระจายบริการให้ครอบคลุม 76 จังหวัดทั่วประเทศ
นายพิชญ์ ยืนยันว่าแม้จะมีเรื่องการฟ้องร้องของ JAS ซึ่งยังเป็นคดีความอยู่กับ บมจ.ทีทีแอนด์ที(TT&T) แต่จะไม่ส่งผลกระทบต่อกองทุน JASIF เลย
"รายได้ของบริษัทที่ผ่านมาค่อนข้างมั่นคง อยากให้ดูพื้นฐานของบริษัทซึ่งทำบรอดแบนด์อินเตอร์เน็ตมาหลายปีมีลูกค้าเพิ่มขึ้น ยังสามารถเติบโตได้อีก อย่ามองว่ากองทุนจะหวือหวาเหมือนหุ้นแต่อยากให้มองผลตอบแทนที่มั่นคงต่อเนื่องมากกว่า" นายพิชญ์ กล่าว