ในรอบปี 57 TTA มีรายได้รวมทั้งสิ้น 21,431 ล้านบาทเติบโตจากปีก่อน 16% จากผลประกอบการที่ดีขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ ในขณะที่ผลกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติเพิ่มขึ้นถึง 507% มาเป็น 1,028 ล้านบาท ก่อนหักรายการปรับปรุงทางบัญชี 13 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิตลอดปี 57 เท่ากับ 1,015 ล้านบาท
"ในปี 57 เราสามารถสร้างความเจริญเติบโตให้กับธุรกิจต่างๆ ในพอร์ตได้เป็นอย่างดี โดยเราได้เพิ่มการลงทุนในธุรกิจหลักเป็นจำนวนมาก ประกอบด้วย เราเพิ่มการลงทุนในเมอร์เมด เพื่อสั่งต่อเรือ ขุดเจาะท้องแบน (tender rigs) จำนวน 2 ลำ และเรือสนับสนุนงานการปฏิบัติการใต้น้ำ (dive support vessel) 1 ลำ เราขยายกองเรือของโทรีเซน ชิปปิ้ง ด้วยการซื้อเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองประเภท SupraMax มือสอง จำนวน 6 ลำ และเปิดสำนักงานขายแห่งใหม่ในแอฟริกาใต้ เพื่อให้โทรีเซน ชิปปิ้งสามารถให้บริการลูกค้าได้ครอบคลุมมากขึ้น และเรายังเพิ่มกำลังการผลิตของปุ๋ยชนิดใหม่เพื่อขยายการส่งออกให้กับบาคองโคอีกด้วย"นายเฉลิมชัย กล่าว
การปรับโครงสร้างพื้นฐานการดำเนินงานในปี 56 และการลงทุนเพิ่มเติมที่เกิดขึ้นในปี 57 ส่งผลให้เราสามารถสร้างผลประกอบการที่ดีขึ้น และพร้อมเติบโตต่อจากการลงทุนต่างๆ ของบริษัท ถึงแม้ว่าจะมีความผันผวนพอสมควรในธุรกิจขนส่งสินค้าแห้งเทกองในปี 57 แต่โดยพื้นฐานของธุรกิจนี้ยังมีแนวโน้มที่สดใสทั้งในระยะกลางและระยะยาว เนื่องจากยังคงมีปริมาณความต้องการการขนส่งสินค้าแห้งเทกองอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ปริมาณการขยายตัวของกองเรือทั่วโลกลดลง
แนวโน้มธุรกิจของเมอร์เมดยังคงดี ถึงแม้ว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกจะอ่อนตัวลงในช่วงเวลาที่ผ่านมา แต่พื้นที่ให้บริการของเมอร์เมดอยู่ในบริเวณน่านน้ำตื้น จึงได้รับผลกระทบน้อยมาก เพราะจุดคุ้มทุนของบริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในการทำโครงการสำรวจและผลิตในบริเวณนี้จะไม่สูงเท่ากับโครงการในบริเวณน่านน้ำลึก โดยพื้นฐานภาพรวมของธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในระยะยาวยังคงแข็งแกร่ง และจะยังคงเติบโตต่อไป โดยเฉพาะในตลาดที่เมอร์เมดทำธุรกิจอยู่
"เราพยายามอย่างมากที่จะลดภาระสินค้าคงคลัง และปรับโครงสร้างเงินทุนของ UMS ซึ่งทำให้ UMS มีสถานภาพการเงินปรับตัวดีขึ้นและลดการขาดทุนลง"นายเฉลิมชัย กล่าว
ส่วนบาคองโคก็ยังคงสร้างผลกำไรที่ดีมากให้ TTA อย่างต่อเนื่องจากการเพิ่มกำลังการผลิตปุ๋ยเพื่อรองรับการส่งออกไปยังต่างประเทศมากขึ้น และอัตราการให้เช่าพื้นที่คลังสินค้าในราคาที่ดี
สำหรับความคืบหน้าในการนำเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ของ บมจ.พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ (PMTA) นั้น ได้ผ่านการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะนำเสนอให้ผู้ถือหุ้น TTA รับทราบ ซึ่งเราค่อนข้างมั่นใจว่าจะแผนการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะมีส่วนเร่งการเติบโตของธุรกิจนี้ให้เร็วขึ้น
สำหรับปีหน้านี้ เราจะยังคงเดินหน้าขยายพอร์ตการลงทุนด้วยกลยุทธ์กระจายความเสี่ยงไปในธุรกิจใหม่ๆ ที่มีการเจริญเติบโตสูง เหมือนเช่นที่ได้เริ่มดำเนินการไปแล้วกับการลงนามในสัญญาจองซื้อหุ้นของบริษัท ไซโน แกรนด์เนส ฟู้ดส์ อินดัสตรี กรุ๊ป จำกัด (SGFI) ซึ่งเป็นธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่มีการเติบโตสูงในจีน และกำลังอยู่ในระหว่างรอการพิจารณาอนุมัติจากผู้ถือหุ้นและตลาดหลักทรัพย์สิงค์โปร์ เชื่อว่าด้วยประสบการณ์และเครือข่ายทางด้านโลจิสติกส์ในระดับสากลที่เรามีอยู่ จะช่วยเปิดลู่ทางตลาดส่งออกสินค้าของ SGFI ให้กระจายไปยังประเทศอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ หากการลงทุนใน SGFI ลุล่วง บริษัทฯ จะสามารถบันทึกส่วนแบ่งกำไร 9% เป็นกำไรของบริษัท ซึ่งจะช่วยสร้างความเติบโตให้กับกำไรสุทธิอย่างมีนัยสำคัญ ในปี 56 SGFI มีผลกำไร 2,000 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยสะสมที่ 49% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา