นอกจากนี้ บริษัทมองโอกาสที่จะทำธูรกิจเสริมที่จะเข้ามาเพิ่มรายได้ จากปัจจุบันมาจากธุรกิจก่อสร้างเป็นหลัก เบื้องต้นคาดว่าจะเป็นธุรกิจประเภทมีเดีย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาและน่าจะมีความชัดเจนในต้นปีหน้าเพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากงานก่อสร้างภาครัฐ มองว่าน่าจะดำเนินการผ่านบริษัทลูก คือ บริษัท พีพีเอส ดีไซน จำกัด ที่ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี 57
และ หากรายได้จากธุรกิจมีเดียเติบโตกว่า 60 ล้านบาท ก็มีแผนจะนำบริษัทลูกดังกล่าวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ซึ่งเป็นเรื่องในอนาคต
ส่วนผลประกอบการในปีนี้ บริษัทคาดว่ากำไรและรายได้าจะใกล้เคียงปีก่อนที่รายได้ 293.79 ล้านบาท และกำไร 19.33 ล้านบาท เนื่องจากโครงการของภาครัฐและเอกชนชะลอออกไปหลายโครงการ โดยบริษัทได้เข้าไปรับงานโครงการสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 ซึ่งมีมูลค่างานจำนวนมาก เมื่อชะลอออกไป ก็ส่งผลทำให้ไม่มีรายได้เข้ามาตามแผนงาน หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สั่งทบทวนความโปร่งใสโครงการที่มีมูลค่ามากกว่า 100 ล้านบาท
ขณะที่บริษัทได้เข้าไปรับงานก่อสร้างห้างเทสโก้ จ.สุราษฎร์ธานี คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 1 ใน 3 ซึ่งก็ต้องชะลอออกไป เนื่องจากบริษัทแม่ของเทสโก้ในต่างประเทศมีปัญหาเรื่องการเงิน แต่บริษัทก็ยังมีงานโครงการไอคอนสยามเข้ามาชดเชยได้บ้าง
ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมืออยู่ราว 200-300 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ภายในปีนี้ 60 ล้านบาท ที่เหลือเป็นปี 58
"ปีนี้เป็นปีที่แย่มากแต่เราก็ยังเชื่อว่าเศรษฐกิจโดยรวมจะดีขึ้น ขณะที่มองปี 58 ถ้าเราได้ทำตามแผนในเรื่องของรายได้เราก็เติบโตมากกว่าปีนี้แน่นอน"นายพงศ์ธร กล่าว