"บลจ.ฟินันซ่า ประเมินว่า การเติบโตของเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในระดับต่ำและฟื้นตัวได้ช้า แม้ว่าจะมีการประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานแล้วก็ตาม สำหรับทิศทางของอัตราดอกเบี้ยคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับต่ำและหากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวอาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมในระยะถัดไป อีกทั้งในด้านของปัจจัยภายนอกประเทศยังมีความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกทั้งในยุโรป จีน และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นปัจจัยที่กดดันการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง การลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงในระดับต่ำและอัตราผลตอบแทนที่ดีจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ"นายธีรพันธุ์ กล่าว
โดยกองทุนเปิดฟินันซ่าตราสารหนี้พลัสโรลโอเวอร์ 3เดือน3 (FAM FIPR3M3) จะพิจารณาลงทุนในตราสารแห่งหนี้ ตราสารทางการเงินและ/หรือ เงินฝากของภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ เงินฝากธนาคารต่างประเทศสกุลเงิน USD, CNY, HKD, EUR, JPY กับธนาคาร BOC (Macau), Standard Chartered Bank (Hong Kong), ธนาคาร CIMB Niaga (Indonesia), ตั๋วเงินหรือเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในประเทศ, ตั๋วแลกเงิน บมจ. ดั๊บเบิ้ล เอ(1991) (BBB), ตั๋วแลกเงิน บมจ.เอเซียเสริมกิจ ลีสซิ่ง(BBB+), ตั๋วแลกเงิน บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง (BBB+) หรือตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ BBB ขึ้นไป, ตั๋วเงินคลัง หรือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นต้น