บริษัทตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ปีหน้าจำนวนมากกว่า 30 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 4-5 หมื่นล้านบาท โดยจะเน้นเปิดตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น จากสัดส่วนปีนี้ 15% เป็น 22% และเน้นตลาดระดับกลาง มากถึง 40% ส่วนระดับล่าง 35% และระดับบนมีเพียง 25% ขณะนี้ซื้อที่ดินไว้แล้ว
บริษัทตั้งงบซื้อที่ดินในปี 58 ไว้ที่กว่า 8 พันล้านบาท ซึ่งมากกว่าการใช้งบซื้อที่ดินในปีนี้ที่ใช้ไป 7.5 พันล้านบาท สำหรับการซื้อที่ดิน 27 แปลง ในกรุงเทพฯ 18 แปลง ต่างจังหวัด 9 แปลง ทั้งนี้งบซื้อที่ดินในปีหน้าจะไว้ใช้สำหรับการซื้อที่ดินเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใน 1-2 ปีข้างหน้า ซึ่งสัดส่วนเงินใช้ในการซื้อที่ดินจะไว้ใช้ซื้อที่ดินในกรุงเทพฯ 85% และอีก 15% เป็นเงินที่ใช้สำหรับการซื้อที่ดินในต่างจังหวัด โดยจังหวัดในต่างจังหวัดที่บริษัทสนใจจะขยายไป ได้แก่ อยุธยา พิษณุโลก ฉะเทริงเทรา และชลบุรีในอำเภอใหม่ๆ
สำหรับภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ปีหน้าคาดว่าจะเติบโตได้มากกว่า 10% จากแนวโน้มเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ฟื้นตัวขึ้น และส่วนปัญหาภาระหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการขายอสังหาริมทรัพย์แต่อย่างใด โดยเห็นได้จากยอดขายของผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เพิ่มขึ้นทุกราย ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเกิดจากการไปชิงส่วนแบ่งทางการตลาดจากผู้ประกอบการรายเล็กมา
สำหรับในปีหน้าบริษัทมีแผนการออกหุ้นกู้มูลค่าราว 5 พันล้านบาท อายุ 3-5 ปี เพื่อมาทดแทนหุ้นกู้เดิมที่จะครบกำหนดอายุในปีหน้า มูลค่า 4.6 พันล้านบาท โดยช่วงเวลาในการออกหุ้นกู้ชุดใหม่นั้นคาดว่าจะมีข้อสรุปในช่วงต้นปี 58
นายรัตน์ กล่าวถึงผลการดำเนินงานในปีนี้ว่า บริษัทมั่นใจรายได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.94 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมีการโอนกรรมสิทธิ์โครงการเร็วกว่าที่กำหนด เพราะมีการก่อสร้างที่รวดเร็วขึ้น และหโครงการคอยโดมิเนียมของบริษัทสามารถโอนได้ทั้งหมดภายในปีนี้ ซึ่งทำให้บริษัทคาดว่ารายได้จะมากกว่า 2 หมื่นล้านบาท ราว 15% หลัง 9 เดือนแรกของปีนี้บริษัทมีรายได้ 1.71 หมื่นล้านบาท อีกทั้งแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/57 จะดีขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาส 3/57 ที่มีรายได้ 6.47 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 1.07 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทคาดว่าในช่วงไตรมาส 4/57 จะมียอดโอนเข้ามาอีกประมาณ 5.5 พันล้านบาท แบ่งเป็นยอดโอนจากโครงการคอนโดมิเนียมราว 900 ล้านบาท ส่วนที่เหลือราว 4.6 พันล้านบาท จะเป็นยอดโอนของโครงการแนวราบ
ส่วนยอดขาย Pre-Sale ในปีนี้ บริษัทยังคงเป้าหมายไว้ที่ 2.14 หมื่นล้านบาท หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% จากปี 56 ที่มียอดขาย 2.04 หมื่นล้านบาท ซึ่ง ณ สิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายแล้วประมาณ 70% ทั้งนี้ยังคาดว่าจะมียอดขายเพิ่มเข้ามาอีกในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้
ส่วนการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้นั้นทั้งนี้เป็นนไปตามเป้าหมายที่ 29 โครงการ มูลค่ารวม 2.44 หมื่นล้านบาท โดยในช่วงไตรมาส 4/57 ได้เปิดโครงการใหม่จำนวน 13 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท
ส่วนกรณีเครือซีพีกรุ๊ปนั้นได้มีการเข้ามาขอซื้อกิจการธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮาส์ (LHBANK) นั้น นายรัตน์ กล่าวว่า ได้มีการเจรจาพูดคุยกับทางเครือซีพีกรุ๊ปจริง แต่ยังไม่มีความคืบหน้ามาจากทางฝั่งซีพี ทังนี้ QH มีสัดส่วนการถือหุ้นใน LHBANK ปัจจุบันอยู่ที่ 21.43%
"สำหรับเรื่อง LHBANK ที่เครือซีพีจะเข้ามาซื้อนั้นก็ให้ไปอ่านที่เจ้าสัวธนินทร์ได้พูดเอาไว้แล้วว่าเขาพูดไว้ว่าอย่างไร เพราะเขาก็ได้พูดชัดเจนแล้ว สำหรับเราเราเป็นเจ้าสาวบอกไม่ได้ว่าเราสนใจเจ้าบ่าวไหม ต้องไปถามเจ้าบ่าวเอง แต่ก็มีการติดต่อคุยกัน แต่ถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าจากฝั่งนู้นมา"นายรัตน์ กล่าว