"เจเอเอส แอสเซ็ท"จะขาย IPO 120.39 ล้านหุ้น ใช้ขยายธุรกิจ-คืนเงินกู้

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday December 1, 2014 11:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า บมจ. เจเอเอส แอสเซ็ท ได้ยื่น Filing version แรก เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2557 เนื่องจากบริษัทฯจะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก(IPO)จำนวน 120.39 ล้านหุ้น แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 48,156,000 หุ้น เสนอขายต่อผู้ถือหุ้นเดิมของบมจ.เจมาร์ท(JMART)ตามสัดส่วนการถือหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่น้อยกว่า 72,234,000 หุ้น เสนอขายต่อประชาชน โดยมีบล.เอเซีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

ทั้งนี้ บริษัทฯมีความประสงค์จะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) ส่วนวัตถุประสงค์การใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อใช้เป็นเงินทุนในการขยายธุรกิจของบริษัท และเพื่อชำระคืนเงินกู้ยืม

บมจ. เจเอเอส แอสเซ็ท ประกอบธุรกิจบริหารพื้นที่ของห้างสรรพสินค้า และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ปัจจุบันธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบหลัก คือ 1. การบริหารพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้าในส่วนสินค้าประเภทโทรศัพท์เคลื่อนที่และสินค้าเทคโนโลยีเพื่อนำมาจัดสรร และให้เช่าต่อกับผู้ประกอบธุรกิจ ภายใต้ชื่อ "IT Junction" 2.การพัฒนาและบริหารพื้นที่ในรูปแบบตลาดชุมชน ภายใต้ชื่อ "J Market" และ 3. การพัฒนาและบริหารพื้นที่ในรูปแบบศูนย์การค้าชุมชน(Community Mall) ภายใต้ชื่อ "The Jas"

ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ณ 30 ก.ย.2557 บริษัทฯมีรายได้รวม 326.72 ล้านบาท กำไรสุทธิ 60.56 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวม 809.46 ล้านบาท หนี้สินรวม 415.48 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 393.98 ล้านบาท

ณ วันที่ 30 ก.ย.2557 บริษัทมีทุนจดทะเบียน 370,390,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 370,390,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยเป็นทุนชำระแล้ว 250,000,000 บาท คิดเป็นหุ้นสามัญ 250,000,000 หุ้น หลังเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้แล้ว บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วเพิ่มเป็น 370,390,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 370,390,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ ณ วันที่ 30 ก.ย. 2557 คือ บมจ.เจมาร์ท (JMART) ถือหุ้น 249,999,970 หุ้นหรือคิดเป็น 99.99% หลังเสนอขายหุ้นในครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 67.5%

บริษัทฯมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิภายหลังการหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและการจัดสรรทุนสำรองตามกฏหมายโดยพิจารณาจากงบการเงินรวมเป็นสำคัญ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ