"ปีนี้เราได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ทำให้มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันปรับตัวลดลงไป ซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทฯที่มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจนายหน้าสูงถึง 70% แต่อย่างไรก็ตามกำไรสุทธิปีนี้คงจะต่ำกว่าปีก่อนไม่มากนัก เพราะเรามีรายได้ในส่วนของธุรกิจ IB เข้ามาชดเชยได้บ้าง"นายมนตรี กล่าว
บริษัทคาดว่าปี 58 ภาพรวมผลประกอบการจะดีกว่าปีนี้ โดยบริษัทตั้งเป้ารักษาส่วนแบ่งตลาดให้อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปีนี้ที่ 11% รวมไปถึงในธุรกิจวาณิชธนกิจ(IB) ที่บริษัทฯตั้งเป้าที่จะมีรายได้มากกว่าปีนี้ที่ราว 200 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทฯมีดีลในมือ 14-21 ดีล แบ่งเป็น ดีลควบรวมกินการ(M&A)2-3 ดีล กองทรัสต์เพื่อลงทุนในอสังหาริมทรัพย์(REIT) 2-3 ดีล กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน 3-4 ดีล IPO 5-7 ดีล และอื่นๆอีก 2-4 ดีล
"ปีหน้าเราหวังว่าผลการดำเนินงานของเราจะออกมาดีกว่าปีนี้ เพราะเราเชื่อว่าภาพรวมตลาดฯในปีหน้าจะดีขึ้นด้วยปัจจัยภายในประเทศที่ยังมีทิศทางที่ดี ซึ่งเราก็จะรักษาส่วนแบ่งตลาดของเราให้ใกล้เคียงกับปีนี้ รวมไปถึงรายได้ธุรกิจ IB ก็ยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อีก" นายมนตรี กล่าว
นายมนตรี ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้เกิดความกังวลว่าอาจจะเกิดภาวะฟองสบู่ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เนื่องจากปัจจุบันอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E Ratio) ของตลาด mai อยู่ในระดับ 65.56 เท่า และในหุ้นบางตัวสูงถึง 100 เท่า ซึ่งถือว่าสูงมาก จึงแนะนำนักลงทุนควรมีความระมัดระวังในการลงทุน
"เรามองว่าในตลาด mai อาจจะเกิดฟองสบู่ได้เพราะ P/E Ratio ในตลาดนี้อยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง และบางตัวอาจจะคำนวน P/E Ratio ไม่ได้ด้วยซ้ำเพราะไม่มีกำไร แต่เราก็ไม่ได้บอกว่าทุกตัวในตลาดนี้จะไม่ดีทั้งหมด ก็ยังมีบางตัวที่เป็นหุ้นที่ดี และมีผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง แต่บางตัวเล่นไปไม่มีพื้นฐานมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดขึ้นไปสูงมาก เราก็แนะนำให้นักลงทุนมีความระมัดระวังในการลงทุนด้วย"นายมนตรี กล่าว