ขณะที่กำไรจะเติบโตไปตามทิศทางเดียวกับรายได้ เนื่องจากบริษัทมีการบริหารต้นทุนที่ดี ทำให้ค่าการตลาดปรับตัวสูงขึ้น คาดว่าอย่างน้อยน่าจะเพิ่มขึ้น 10 สตางค์ต่อลิตร ส่งผลให้บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นอีกด้วย
"3-5 ปีจากนี้ เรายังคงขยายสถานีบริการน้ำมันต่อเนื่องทุกๆปี ขณะที่โครงการปาล์มคอมแพค ก็จะมีข่าวดีเร็วๆนี้ และเราก็ยังอยู่ระหว่างการศึกษาเข้าไปลงทุนในธุรกิจ LPG ปัจจุบันก็กำลังดูพาร์ทเนอร์อยู่ และดูการปฎิรูปด้านพลังงานประกอบด้วย รวมถึงเราก็สนใจเข้าไปในธุรกิจพลังงานไฟฟ้าทดแทนเช่นกัน ก็น่าจะใช้เวลาไม่นานน่าจะเห้นความชัดเจนได้"นายพิทักษ์ กล่าว
ในปีหน้าบริษัทเตรียมงบลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายสถานีบริการน้ำมันแบบ COCO เพิ่มอีกจำนวน 200 แห่ง และสถานีบริการน้ำมันแบบ DODO อีก 30 แห่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 600-700 ล้านบาท รวมถึงใช้ซื้อรถบรรทุกน้ำมันอีก 50 คัน ใช้เงินลงทุนประมาณ 300-350 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการในปีนี้ มั่นใจว่ารายได้น่าจะเติบโตไปตามเป้าหมายเดิมที่วางไว้ หรือไม่ต่ำกว่า 20% จากปี 56 ที่มีรายได้ 47,856.91 ล้านบาท และกำไรที่เพิ่มขึ้นตามรายได้ โดยสถานีบริการน้ำมันทั้ง COCO และ DODO ณ สิ้นปีน่าจะมีครบ 1,000 แห่ง รถบรรทุกน้ำมันจะอยู่ที่ 330 คัน
นายพิทักษ์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการลงทุนโครงการปาล์มคอมแพล็กซ์ คาดว่าจะสามารถสรุปรายละเอียดได้ภายในสิ้นปีนี้ มูลค่าโครงการกว่า 4 พันล้านบาท โดยจะเป็นการร่วมทุนกันกับพันธมิตร ส่วนการเข้าซื้อหุ้นบมจ.บางจากปิโตรเลียม(BCP) ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการยื่นเสนอราคาประมูล ต้องรอดูความชัดเจนว่าจะประกาศผลดังกล่าวได้เมื่อไหร่ แต่อย่างไรก็ตามทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งให้ บมจ.ปตท(PTT) ดำเนินการขายหุ้น BCP ให้แล้วเสร็จก่อนการเลือกตั้งทั่วไปของประเทศ หรือภายในเดือนมิ.ย.58