ส่วนกำไรสุทธิปีนี้น่าจะดีกว่าปีก่อน โดยในงวด 9 เดือนที่ผ่านมาบริษีทมีกำไรสุทธิเติบโต 67% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ในปี58 คาดว่ารายได้และกำไรของบริษัทน่าจะเติบโตต่อเนื่อง แต่คงไม่เติบโตมากเท่าปีนี้โดยปีหน้าจะรับรู้รายได้ของดาวเทียมไทยคม 7 ที่ยิงขึ้นสู่วงโคจรเมื่อ 7 ก.ย. 57 ซึ่งเริ่มรับรู้บางส่วนในไตรมาส 4/57 ปัจจุบันยอดขายดาวเทียมไทยคม 7 ทำได้ 100%แล้วเพราะเป็นดาวเทียมที่มีรัศมีรองรับตลาดเอเชีย
ขณะที่ดาวเทียมไทยคม 6 ที่รองรับตลาดเอเชียและแอฟริกา มียอดขาย70% เพราะติดที่ไม่สามารถขายได้ในแอฟริกาที่มีการระบาดของโรคอีโบลา ส่วนไอพีสตาร์คาดว่าจะมียอดขายเพิ่มอีก 2-3% จากปัจจุบันที่มียอดขาย 54% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายปีนี้ และคาดว่าจะมียอดเพิ่มอีกก่อนที่ดาวเทียมไอพีสตาร์จะหมดอายุลงในอีก 7 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ ในไตรมาส 2/58 บริษัทจะยิงดาวเทียมไทยคม 8 ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยมีการลงทุน 170 ล้านเหรียญ ทั้งนี้เป็นดาวเทียมรองรับธุรกิจบรอดคาสท์
นางศุภจี กล่าวว่าขณะนี้บริษัทชะลอการลงทุนดาวเทียมไอพีสตาร์ 2ออกไปก่อนจากเดิมที่คาดจะได้ข้อสรุปในปลายปีนี้ เนื่องจากบริษัทขอความชัดเจนจากภาครัฐเกี่ยวกับนโยบายและข้อกฎหมายอวกาศและดาวเทียมเสียก่อน
สำหรับดาวเทียมไอพีสตาร์ 2 คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 250-300 ล้านเหรียญ ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนจากเงินกู้หรือระดมทุนจากการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะมียอดขายก่อนลงมือสร้างไม่น้อย 50%
สำหรับนโยบายรัฐบาลในเรื่อง Digital Economy นางศุภจีเห็นว่าจะเป็นส่วนเสริมในการรองรับการใช้งานระบบ Digital ซึ่งไทยคมมีโครงข่ายอยู่แล้วซึ่งจะช่วยผลักดันให้ธุรกิจนี้เติบโต ขณะที่รัฐบาลมีแนวคิดสร้างดาวเทียมเองนั้นก็มองว่าเป็นเรื่องดี ถ้ารัฐบาลดำเนินการและไทยคมก็พร้อมให้คำปรึกษาแนะนำ