การเพิ่มทุนดังกล่าวจะช่วยให้สถานะทางการเงินของบริษัทฯ ปรับตัวดีขึ้น โดยฟิทช์คาดว่าหนี้สินสุทธิของ GRAMMY จะลดลงมาอยู่ที่ระดับประมาณ 3.0 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2557 จากระดับ 4.5 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557 อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนหนี้สินของ GRAMMY จะยังคงอยู่ในระดับสูง ณ สิ้นปี 2557 เป็นผลจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ต่ำ โดยธุรกิจดิจิตอลทีวีน่าจะยังคงมีผลประกอบการขาดทุนในปี 2557
ฟิทช์คาดว่าการดำเนินธุรกิจดิจิตอลทีวีให้ประสบความสำเร็จยังคงเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับ GRAMMY ในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้า เนื่องจากบริษัทฯ จำเป็นต้องผลิตรายการใหม่ที่มีคุณภาพ ต้องสร้างฐานคนดู และดึงดูดโฆษณา นอกจากนี้ จำนวนช่องดิจิตอลทีวีที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้เวลาออกอากาศโฆษณาเพิ่มขึ้น ซึ่งน่าจะมีส่วนกดดันอัตราค่าโฆษณาให้ลดต่ำลงจากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น
ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา รายได้ค่าโฆษณาบนช่องดิจิตอลทีวีของ GRAMMY อยู่ในระดับต่ำกว่าที่ฟิทช์คาดไว้ เนื่องจากอัตราการเปลี่ยนไปรับชมดิจิตอลทีวียังคงอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม ฟิทช์คาดว่าอัตราการเปลี่ยนไปรับชมดิจิตอลทีวีจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2558 และ 2559 หลังจากที่ กสทช.เริ่มแจกจ่ายคูปองสนับสนุนในเดือนตุลาคม 2557
แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นบวกของ GRAMMY ยังคงสะท้อนถึงการคาดการณ์ของฟิชท์ว่า กำไรและอัตราส่วนหนี้สินของ GRAMMY จะปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นไป ภายหลังจากที่รายได้จากธุรกิจดิจิตอลทีวีปรับตัวสูงขึ้น ฟิทช์ประมาณการอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์และหนี้สินจากการดำเนินงาน (Funds Flow from Operation Adjusted Net Leverage) จะปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 3.5 เท่าในปี 2558 และ 2559 จากที่คาดการณ์กระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์และหนี้สินจากการดำเนินงานติดลบ ณ สิ้นปี 2557
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ฟิทช์จะปรับเพิ่มอันดับเครดิตของ GRAMMY เป็น ‘A-(tha)’ GRAMMY จะต้องมีกระแสเงินสดจากธุรกิจดิจิตอลทีวีที่แข็งแกร่ง และมีประมาณการกระแสเงินสดสุทธิ (Free Cash Flow) เป็นบวกอย่างต่อเนื่อง