“แผนปีหน้าเราได้ปรับเปลี่ยนมารับงานที่มีความเสี่ยงไม่สูงมาก ระยะเวลาส่วนใหญ่ก็ไม่นานเกิน 1 ปี ซึ่งทำให้เราได้เงินเร็ว และเน้นงานที่ให้กำไรในระดับที่สูงและเราเห็นว่าดีต่อบริษัท แตกต่างจากเมื่อก่อนที่เราจะ Aggressive ตอนนี้เราก็กลับมา safe ตัวเองมากขึ้น ซึ่งก็จะส่งผลให้รายได้ในปีหน้าจะต่ำกว่าปีนี้ แต่ไปเน้นการสร้างกำไรแทน ปีหน้าเราก็มี Backlog ที่รอรับรู้อยู่ราว 6.5 พันล้านบาท" นายสุรศักดิ์ กล่าว
หลังจากปีนี้บริษัทยังไม่มั่นใจว่าผลประกอบการจะขาดทุนหรือไม่ หลังจาช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้มีผลขาดทุนอยู่ที่ 89.31 ล้านบาท เนื่องจากในไตรมาส 3/57 บริษัทมีการตั้งสำรองการขาดทุนของ 2 โครงการที่ไม่ก่อให้เกิดกำไรจำนวน 80% ของมูลค่าโครงการ อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/57 บริษัทคาดว่าจะพลิกกลับมามีกำไรได้ เนื่องจากไม่มีภาระการตั้งสำรองโครงการที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้แล้ว
นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทมองว่าภาวะอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างในปีนี้ยังมีการแข่งขันรุนแรงมาก เนื่องจากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐยังไม่มีความชัดเจนออกมาเป็นรูปธรรม ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้มีการเข้าไปประมูลงานในบางโครงการแต่ไม่ได้งานแม้จะมีข้อเสนอที่ดีกว่า อย่างไรก็ตาม แนวโน้มปีหน้าก็คาดว่าจะดีขึ้นกว่าปีนี้ หลังจากภาครัฐริเริ่มโครงการลงทุนต่างๆ โดยบริษัทคาดหวังที่จะเข้าไปประมูลและได้รับงานในส่วนของโครงการรถไฟฟ้าที่เคยมีประสบการณ์มาก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ ในปีหน้าบริษัทยังจะเน้นการรับงานก่อสร้างสาขาซุปเปอร์มาเก็ตเพิ่มมากขึ้นเป็น 40-50% จากปัจจุบันสัดส่วนอยู่ที่เกือบ 40% โดยขณะนี้มีโครงการที่เตรียมรับงานจากแมคโครในการขยายสาขาอีก 14 แห่ง มูลค่างานแห่งละ 150-160 ล้านบาท อีกทั้งจะพยายามรับงานก่อสร้างสาขาโมเดิร์นเทรดให้กับรายอื่น เช่น โฮมโปร ที่มีแผนขยายสาขาจำนวนมาก
และ บริษัทยังเตรียมเข้ารับงานในภูมิภาคอาเซียน(AEC) ซึ่งเป็นงานโครงการของลูกค้าที่บริษัทได้ทำงานให้เป็นระยะเวลานาน โดยมองโอกาสที่จะตามไปรับงานของลูกค้าที่ขยายธุรกิจไปในประเทศอื่นๆ ด้วย
ส่วนแผนการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) จำนวน 175 ล้านหุ้น ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะดำเนินการได้เมื่อใด เพราะยังไม่จำเป็นต้องใช้เงิน เพียงแต่ขออนุมัติผู้ถือหุ้นไว้ล่วงหน้าเท่านั้น เนื่องจากระดับมูลค่างานในมือ (Backlog) ยังไม่ถึงระดับ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งสิ้นปีนี้บริษัทคาดว่าระดับ Backlog จะอยู่ที่ 7-8 พันล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 1 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทจะนำเรื่องดังกล่าวขออนุมัติขยายระยะเวลาออกไปอีก 1 ปีก่อน