ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ เอ็นแฮนซ์ 7 ( KTFF7 ) เป็นกองทุนที่เสนอขายผู้ลงทุนที่มิใช่รายย่อย และผู้ที่มีเงินลงทุนสูง โดยเงินลงทุนขั้นต่ำ 500,000 บาท เน้นลงทุนในตราสารต่างประเทศ ประเภทเงินฝากประจำ Akbank T.A.S , เงินฝาก Bank of China , MTN ออกโดย Banco BTG Pactual S.A , MTN ออกโดย Banco ABC (Brasil ) ในสัดส่วน 85% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ประเภท หุ้นกู้ ตั๋วแลกเงิน สถาบันการเงิน บริษัทเอกชน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.50%ต่อปี
ส่วนกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 128 ( KTSUPB 128 ) เสนอขายนักลงทุนรายย่อย เงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท เน้นลงทุนในเงินฝาก Bank of China , เงินฝาก China Construction Bank , MTN ออกโดย Banco BTG Pactual S.A. , MTN ออกโดย Banco ABC ( Brasil ) ในสัดส่วน 75 % ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ประเภท หุ้นกู้ ตั๋วแลกเงิน สถาบันการเงิน บริษัทเอกชน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.30% ต่อปี
นอกจากนี้ สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ในระดับต่ำ ขณะนี้บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายรอบใหม่ ( Roll Over ) ของกองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 6 เดือน คุ้มครองเงินต้น 3 ( KTFIX6M3) เสนอขายถึงวันที่ 4 ธันวาคม 2557 อายุ 6 เดือน เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล 57% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝาก บัตรเงินฝากธนาคารพาณิชย์ ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.00% ต่อปี
สำหรับอัตราผลตอบแทนของพันธบัตร มีการปรับตัวลดลงเกือบทุกช่วงอายุประมาณ 1-5 bps. ซึ่งเป็นผลมาจากสภาพคล่องที่ยังล้นตลาด และแรงกดดันเงินเฟ้อที่ลดต่ำลงมากหลัง OPEC ตรึงกำลังการผลิตน้ำมันและทำให้ราคาน้ำมันดิบแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี โดยล่าสุดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรุ่นอายุ 2 ปี ปรับอยู่ที่ 2.08% ต่อปี รุ่นอายุ 5 ปี อยู่ที่ 2.44% ต่อปี และรุ่นอายุ 10 ปี อยู่ที่ 2.99% ต่อปี