"กรณีของคุณนพพร เป็นพฤติกรรมส่วนตัวของเขา ผมก็ไม่ทราบ ถ้ารู้ก็คัดค้านอยู่แล้ว ช่วงหลัง ๆ ผมแทบไม่ได้คุยกับเขาเลย คุยกันน้อยมาก ผมจะหันไปดูหุ้นในตลาดฯมากกว่า"นายประเดช กล่าว
ด้านปัญหาภาพลักษณ์ของ WEH นั้น เย็นวันนี้ทางคณะกรมการบริษัทจะมีการประชุมด่วนเพื่อหาทางออกในเรื่องดังกล่าว แนวคิดส่วนตัวเห็นว่า บริษัท รีนิวเอเบิล เอนเนอยี คอร์เปอร์เรชั่น จำกัด(REC)ของนายนพพร ซึ่งถือหุ้นใน WEH กว่า 63% ควรจะถอนตัวออกไป มิฉะนั้น WEH คงดำเนินการใดๆไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการกู้เงินจากสถาบันการเงิน หรือการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
"ในฐานะนักลงทุนเจอปัญหาอย่างนี้ ก็จะเข้าตลาดฯไม่ได้ ดังนั้นทาง REC ต้องหาทางออกด้วยการ Exit ตัวเองออกมา ถ้าคุณไม่ Exit ก็จะทำอะไรไม่ได้ และหากเขาจะขายหุ้นก็คิดว่าเขาหาคนมาซื้อแทนได้ เพราะมีบริษัทใหญ่ ๆ สนใจเยอะที่อยากจะลงทุนธุรกิจพลังงาน"นายประเดช กล่าว
นายประเดช ยังเปิดเผยว่า ในฐานะที่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ WEH ในนามส่วนตัว 4% เท่านั้น และส่วนที่เหลือถือหุ้นโดยลูกๆ และบริษัท ดีดี มาร์ท ซึ่งรวมทั้งกลุ่มจะถืออยู่ราว 27% ก็ยินดีจะขายหุ้นทั้งหมดออกไปพร้อมกับการเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO)ตามแผนงานที่กำหนดไว้ในปี 58 หากคณะกรรมการบริษัทเห็นว่าเป็นการเหมาะสม
"ด้วยความที่ผมลงทุนใน SUPER และ SUPER ก็ได้มีการขอทำพลังงานลมด้วย เลยทำให้บอร์ด WEH มองว่ามันเป็น Conflict กับ WEH และบอร์ด WEH ก็เสนอให้ผมถอนตัวออกไป ผมก็ยินดีที่จะออกไป โดยผมบอกไปว่าจะขายหุ้น WEH ทั้งหมดที่ถือในนามส่วนตัวขายออกไปพร้อมๆ กับการขาย IPO ของ WEH เลย เห็นว่าจะเข้าตลาดฯในกลางปีหน้า(2558)"ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ WEH กล่าว
นอกจากนั้นแล้ว นายประเดช ยังยอมรับว่าไม่พอใจรูปแบบการบริหารงานของ WEH ที่ระยะหลังได้ว่าจ้างชาวต่างชาติเข้ามาร่วมทีมงานบริหาร 3-4 ราย ซึ่งนายนพพรให้เหตุผลว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานลม จึงมีความคิดอยู่แล้วว่าจะถอนตัวออกไป
"ผมไม่ Happy ที่ให้ฝรั่งเข้ามาบริหารเป็นบอร์ดใน WEH เพราะบริษัทเป็นของคนไทย น่าจะบริหารโดยคนไทย เมื่อนโยบายไม่สอดคล้องกัน ก็คิดไว้อยู่แล้วว่าจะต้องขายหุ้น WEH ออกไป"นายประเดช กล่าว
*รู้จัก"นพพร"จากการชักชวนร่วมุทนธุรกิจพลังงาน
นายประเดช กล่าวถึงความสัมพันธ์กับนายนพพรว่า รู้จักนายนพพรประมาณ 6-7 ปีแล้ว โดยนายนพพรเข้ามาเสนอให้ร่วมลงทุนในธุรกิจพลังงาน จึงตัดสินใจใช้เงินส่วนตัว 5-10 ล้านบาทเข้าลงทุน ซึ่งเบื้องต้นก็รับตำแหน่งผู้บริหารทั้งในคณะกรรมการของ บมจ.เด็มโก้(DEMCO)และ WEH โดยเงื่อนไขการลงทุนใน WEH คือหากมีงานจะต้องส่งต่อให้ DEMCO ทำให้ DEMCO ได้รับงานสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลมกว่า 2,000 ล้านบาทในช่วงปี 55-56
"นี่เป็นเรื่องพิสดารในชีวิต ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขนาดนี้ได้ในบริษัทใหญ่โต จากคนที่มี Asset มูลค่ามหาศาลเป็นหมื่นล้าน แต่มามีคดีแค่หลักร้อยล้าน ได้ยินเรื่องมายังงงเลย มันไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้...เพราะฉะนั้นการลงทุนต้องระวัง มีความเสี่ยง อะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่เชื่อว่าอีกไม่กี่วันนี้ก็จะหาย Panic กันไปได้เอง"นายประเดช กล่าว
*โต้ข่าวลือว่าขายหุ้น SUPER-EVER ยันถือลงทุนยาว
นายประเดช กล่าวต่อว่า ปัจจุบันเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ SUPER ในสัดส่วนกว่า 9% และ EVER สัดส่วนกว่า 5% เป็นการถือหุ้นมานานเกือบ 2 ปีแล้ว และยังไม่คิดจะขายหุ้นออกไปแต่อย่างใด โดยเฉพาะหุ้น SUPER มีความคิดจะซื้อเพิ่มด้วยซ้ำ เพราะ SUPER หันมาทำธุรกิจพลังงานหลายโครงการ ซึ่งเป็นธุรกิจที่ส่วนตัวชอบอยู่แล้ว ดังนั้น หาก SUPER มีการเพิ่มทุนก็จะซื้อเพิ่มอย่างแน่นอน และจะถือลงทุนระยะยาวด้วย เช่นเดียวกับหุ้น EVER เพราะมองว่าแนวโน้มธุรกิจไปได้ดีหากทำโรงพยาบาลด้วย
"ที่จริงผมไม่อยากจะเป็นบอร์ดแล้ว ด้วยอายุขนาดนี้แล้ว(63 ปี) แต่ผมก็มานั่งเป็นบอร์ดใน EVER ทางก.ล.ต.ก็ถามทำไมเป็นบอร์ด EVER ผมก็ให้เหตุผลไปว่าเพราะ EVER มีรายการระหว่างกันเยอะ ในเรื่องการซื้อที่ดินเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ผมต้องเข้าไปนั่งเป็นคนกลางเฉย ๆ ถ้าในบอร์ดมีแต่คนในกลุ่มเขาภาพมันก็ไม่ค่อยดี ส่วน SUPER ไม่มีรายการระหว่างกันในระบบ ก็เลยไม่จำเป็นต้องเข้าไปเป็นบอร์ด"นายประเดช กล่าว