"การวางท่อก๊าซไม่ว่าจะบนบกหรือในทะเล ต้องใช้อำนาจมหาชนตาม พ.ร.บ.การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย พ.ศ.2521 มาตรา 30 และมาตรา 36 ซึ่งผู้วางท่อก๊าซและผู้ใช้ท่อก็คือการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยและใช้เงินแผ่นดิน ท่อก๊าซทั้งหมดจึงเป็นสาธารณสมบัติ"นายขัยสิทธิ์ กล่าว
จากผลการตรวจสอบของ สตง.ดังกล่าว จึงแจ้งไปยังเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ศาลปกครองสูงสุด และ ปตท.เมื่อเดือนก.พ.52 เพื่อให้ดำเนินการบังคับคดีท่อก๊าซในส่วนที่ยังมิได้แบ่งแยกและส่งมอบให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด แต่ ปตท.กลับอ้างความเห็นของศาลปกครองสูงสุดมาโต้แย้งความเห็นของ สตง.
ทั้งนี้ สตง.มีข้อสังเกตว่ากรณีนี้เป็นปัญหาในชั้นบังคับคดีของศาลปกครองสูงสุด แม้ สตง.จะเสนอรายงานผลการตรวจสอบให้ ปตท. ภายหลังจากที่ปตท. ทำคำร้องเรื่องการแบ่งแยกทรัพย์สินต่อศาลปกครองสูงสุดว่าเรียบร้อยแล้ว ทั้งที่จริง ปตท.ควรจะต้องเสนอรายงานของ สตง.ต่อศาลปกครองสูงสุดเพื่อประกอบการพิจารณาด้วย ดังนั้น ในวันเดียวกัน สตง.ได้ทำหนังสือถึงศาลปกครองสูงสุดว่าการแบ่งแยกทรัพย์สินยังไม่เรียบร้อย เพราะ ปตท.ยังไม่ส่งมอบท่อก๊าซทั้งในบนบกและในทะเลรวมมูลค่าอีก 32,613.45ล้านบาท แบ่งเป็นมูลค่าท่อก๊าซบนบก 1 หมื่นล้านบาทและในทะเลราว 2 หมื่นล้านบาท
ต่อมา สตง.ได้ทำหนังสือถึงหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้หาข้อยุติเรื่องนี้ และหัวหน้า คสช.สั่งให้เสนอเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความในปัญหาดังกล่าว และอนุมัติให้ สตง.เสนอเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกา เมื่อ 25 ส.ค. 57 จากนั้น สตง.ได้เข้าชี้แจงข้อเท็จจริงต่อที่ประชุมคณะกรรมการกฤษฎีกาเมื่อวันที่ 13 พ.ย.57
นายชัยสิทธิ์ กล่าวว่า หากคณะกรรมการกฤษฏีกาเห็นด้วยกับเรื่องที่ สตง.วินิจฉัยว่าท่อก๊าซที่ปตท.ยังไม่คืนนั้นเปนสาธารณะสมบัติ สตง.ก็จะเดินหน้าขอให้ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาแก้ไขคำสั่งเดิมและให้มีคำสั่งใหม่เพื่อให้มีผลบังคับคดีกับ ปตท.ให้คืนท่อก๊าซที่เหลือกลับคืนแผ่นดิน
นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการ สตง. กล่าวว่า เหตุที่ สตง.เปิดแถลงข่าวในวันนี้ เพราะมีหลายกระแสที่เกิดข้อขัดแย้งกันในสังคม ดังนั้น สตง.จึงดำเนินการเพื่อให้ได้ข้อสรุป และจะได้ไม่เป็นประเด็นขัดแย้งอีกต่อไป เพื่อให้ความจริงปรากฎและแสดงจุดยืนปกป้องรักษาทรัพย์สินของแผ่นดิน อย่างไรก็ตาม สตง.ในฐานะผู้ตรวจสอบบัญชีของ ปตท.คาดว่าเรื่องดังกล่าวจะไม่กระทบกับฐานะการเงินของ ปตท.ในอนาคต และที่ผ่านมา สตง.ได้ตั้งข้อสังเกตุให้กับบริษัททุกปีเกี่ยวกับเรื่องนี้
"ผลจะออกมายังไง ทางผู้บริหาร ปตท. จัดการไม่ให้เกิดผลกระทบ ...วันนี้ สตง.ต้องการให้เกิดความจริง และแสดงจุดยืน ทางนโยบายให้คณะกรรมการกฤษฎีกาวินิจฉัยก่อน เราถึงไม่โต้ตอบ" ผู้ว่าการ สตง.กล่าว