นายสันติ หอกิตติกุล กรรมการผู้จัดการ GCAP กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้และพอร์ตสินเชื่อในปี 58 เติบโต 15% จากปีนี้ ตามทิศทางภาวะเศรษฐกิจและอุตสาหกรมการเกษตรในปีหน้าที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น อีกทั้ง คาดว่าพื้นที่ปลูกข้าวของชาวนาจะยังใกล้เคียงกับปีนี้ แม้ว่าภาครัฐจะมีนโยบายจัดระบบโซนนิ่งการเกษตร
นอกจากนั้น ในปีหน้าบริษัทได้เตรียมขยายการให้สินเชื่อเครื่องจักรกลทางการเกษตรไปยังกลุ่มพืชไร่ โดยได้ทำสัญญากับบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับรถเทรกเตอร์ในการทำไร่อ้อย อีกทั้งอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรรายอื่น ๆ ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับพืชไร่ทั้งอ้อยและมันสำปะหลัง จำนวน 2-3 ราย หากการเจรจาสำเร็จก็จะส่งผลดีต่อการการเติบโตในปีหน้า
นายสันติ กล่าวว่า บริษัทจะพยายามรักษาอัตรากำไรสุทธิในปีหน้าให้ใกล้เคียงกับปีนี้ที่อยู่ในระดับ 33% ด้วยการเน้นควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการและต้นทุนทางการเงินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การระดมทุนในตลาดทุนที่มีอัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่าการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน ซึ่งในปีนี้บริษัทได้ออกหุ้นกู้วงเงิน 300 ล้านบาท อายุ 1.5 ปี อัตราดอกเบี้ย 5.2% ต่อปี ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ทำให้อัตรากำไรสุทธิ ณ สิ้นเดือน ก.ย.57 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 33.76% จากช่วงสิ้นปี 56 อยู่ที่ 26.20%
ส่วนผลงานในปีนี้ นายสันติ กล่าวว่า พอร์ตสินเชื่อของบริษัทคาดว่าจะเกินกว่า 900 ล้านบาท แต่ยังต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 1 พันล้านบาท หลังจากช่วง 9 เดือนแรกพอร์ตสินเชื่อของบริษัทอยู่ที่ 834.21 ล้านบาท เนื่องจากปีนี้การปล่อยสินเชื่อเครื่องจักรกลเพื่อการทำนาได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงต้นปีที่ส่งผลถึงกำลังซื้อของรากหญ้าที่เป็นลูกค้าหลักของบริษัท ชาวนาไม่สามารถหาเงินมาซื้อเครื่องจักรใหม่ได้
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังเชื่อว่าจะสามารถดูแลหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ไว้ได้ในระดับ 4% ลดต่ำกว่าช่วงต้นปีที่ผ่านมาที่อยู่ในระดับ 6-7% เนื่องจากบริษัทมีการบริหารจัดการลูกนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ปัจจุบัน บริษัทมีบัญชีลูกหนี้จำนวน 1,199 บัญชี ซึ่งเป็นลูกหนี้ที่เกินกำหนดชำระ 488 สัญญา