ขณะที่บริษัทมองแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/57 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีนี้ โดยจะมีการใช้กำลังการผลิตอย่างเต็มที่ ปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนงานภาครัฐ 25% และภาคเอกชน 75%
"มั่นใจรายได้และกำไรเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (New High) โดยรายได้น่าจะขึ้นสู่ที่ระดับ 1,400 ล้านบาท จากปีก่อนมีรายได้อยู่ที่ 1,303.27 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯได้รับงานก่อสร้างเสาเข็มเจาะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีการบริหารงานในมือ(Backlog)ที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยปัจจุบันบริษัทฯมี Backlog อยู่จำนวน 900 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ราว 45% ในปีนี้ ส่วนที่เหลือจะรับรู้รายได้ไปจนถึงไตรมาส 3/58"นายบดินทร์ กล่าว
นายบดินทร์ กล่าวอีกว่า แนวโน้มอุตสาหกรรมงานก่อสร้างและงานเสาเข็มเจาะในปี 58 คาดว่าจะเติบโตสดใส ดังนั้น บริษัทจึงอยู่ระหว่างขยายกำลังการผลิตเครื่องเจาะเสาเข็มเพิ่มเติมอีก 2 ชุดในอีก 1–2 เดือนจากนี้ จากปัจจุบันมีเครื่องเสาเข็มเจาะสำหรับดำเนินการอยู่แล้วที่ 18 ชุด และใช้ใกล้เต็มกำลังการผลิตแล้ว จากนั้นอีก 4–5 เดือนถัดไป ก็คาดว่าจะประเมินซื้อชุดเสาเข็มเจาะเพิ่มเพื่อรองรับงานที่จะเข้ามาเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต วางงบลงทุนเบื้องต้นไว้ 50 ล้านบาท
ในปีหน้าบริษัทเตรียมเข้าไปประมูลงานฐานราก มูลค่างานราว 800 ล้านบาท และงานก่อสร้าง มูลค่า 400-500 ล้านบาท บริษัทยังยื่นประมูลงานที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวไปแล้ว คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในช่วงไตรมาส 2/58 นอกจากนั้น ยังมองว่าการก่อสร้างรถไฟฟ้าจะส่งผลให้มีงานสร้างคอนโดมิเนียมและอาคารสูงตามแนวรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งงานจากการลงทุนภาครัฐบาลและภาคเอกชนอื่นๆ ก็มีแนวโน้มจะเข้ามาเพิ่มขึ้นด้วย
"ภาพรวมทิศทางอุตสาหกรรมงานก่อสร้างและงานเสาเข็มเจาะในปีหน้า น่าจะสดใสกว่าปีนี้ ขณะที่แผนการดำเนินงานของปีหน้าเราขอรอเข้าบอร์ดในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ ถึงจะสามารถให้รายละเอียดได้"นายบดินทร์ กล่าว
พร้อมกันนี้ บริษัทยังมีแผนย้ายจากตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai) เข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET)ในระยะเวลาอันใกล้นี้ ซึ่งรอความชัดเจนเรื่องของกฎเกณฑ์ทางภาษี ประกอบกับ บริษัทต้องเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 300 ล้านบาท จากปัจจุบันมีทุนจดทะเบียนอยู่ 281 ล้านบาท