"SPP เป็นสิ่งซึ่งเรามีนโยบายให้ซื้อผลิตไฟฟ้าให้มากขึ้น ให้มีความมั่นคงมากขึ้น แต่ภายหลัง Regulator อนุญาตให้เขาผลิตแข่งกับส่วนอื่น โดยไม่ต้องประมูล ก็ทำให้เกิดความลักลั่น จะปรับปรุงอย่างไรก็ต้องรอให้ regulator จัดระเบียบวิธีที่ปฏิบัติ โดยที่มีอยู่ประมาณ 4 พันเมกะวัตต์เศษกับ อีก 4 พันที่ซึ้อขายไฟฟ้าแต่ยังไม่จ่ายไฟ regulator ต้องวางเหลักกเกณฑ์ว่าทุกคนเท่ากัน รับซื้อไฟในราคาเดียวกัน ที่ผ่านมาต่างกัน กลุ่ม 2 regulator คงเข้าไปดู ก่อนที่ COD เงื่อนไขทำอย่างไร regulator ต้องไปดู และคาดว่าอีก 1 พันเมกะวัตต์ ไม่น่าจะได้" นายณรงค์ชัย กล่าว
นอกจากนี้ รมว.พลังงาน กล่าวว่า ในปี 58 จะผลักดันให้เกิดโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ จ.กระบี่ ขนาด 800 เมกะวัตต์ให้ได้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเงื่อนไขการทำงานที่กระทรวงพลังงาน แม้จะรู้ว่าจะมีชุมชนต่อต้านก็ตาม ทั้งนี้ สัดส่วนโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื่อเพลิงตามแผนพัฒนากกำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP 2015) จะต้องไม่ต่ำกว่าแผนเดิม ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนที่ 18-19%
นายณรงค์ชัย กล่าวอีกว่า กระทรวงพลังงานยืนยันจะไม่ต่ออายุสัญญาสัมปทานแหล่งปิโตรเลียมที่จะสิ้นสุดภายใน 7 ปีข้างหน้า แต่จะมีการดำเนินการต่อเนื่อง คาดว่าจะมีข้อสรุปแนวทางภายใน 3 ปี พร้อมเปิดให้สัมปทานแหล่งปิโตรเลียมรอบใหม่ ซึ่งจะเปิดให้ยื่นภายในเดือนก.พ.58
"เมื่อหมดสัญญาสัมปทานก็เป็นสมบัติของชาติ จะจ้างใคร หรืออะไรดีก็ทำได้ เป็นสิทธิของเราที่ทำ แต่การันตีได้ว่ามีความต่อเนื่อง แนวทางยังบอกไม่ได้"รมว.พลังงาน
อนึ่ง บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด เป็นผู้รับสัมปทานแหล่งก๊าซธรรมชาติเอราวัณ และ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ได้รับสัมปทานแหล่งก๊าซธรรมชาติบงกช