นอกจากนั้น บริษัทวางแผนการลงทุนขนาดใหญ่ในประเทศไทยในปีหน้า เพื่อรองรับอุตสาหกรรมรถยนต์ที่คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวและเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง และการขยายตัวของรถอีโคคาที่จะเข้ามาช่วยให้บริษัทฟื้นตัวได้ค่อนข้างดีในอนาคต โดยงบลงทุนในปีหน้าจะสูงกว่างบลงทุนปกติที่ในปีนี้ตั้งงบไว้ที่ 450 ล้านบาท เพราะจะมีการลงทุนขนาดใหญ่
"ปี 58 ถ้ามีโอกาสก็จะลงทุนเพิ่มในไทยต่อเนื่อง เพราะเชื่อว่าอุตฯรถยนต์ในไทยยังไปได้ดี ถ้ามีการลงทุนขนาดใหญ่คงจะกระทบผลกำไรบริษัทบ้าง เพราะคงจะใช้เวลา 2 ปีกว่าจะเห็นรายได้-กำไร ซึ่ง 2 ปีแรกของการลงทุนจะเห็นวอลุ่มครึ่งหนึ่ง และอีก 3-4 ปีก็จะสามารถมีออร์เดอร์เข้ามาครอบคลุมโอเวอร์เฮดของบริษัทต่อไป" นายเย็บ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนรองรับออร์เดอร์จากโครงการอีโคคาร์เฟส 2 ซึ่งมีค่ายรถยนต์อีก 5 ค่ายที่เพิ่มเข้ามาจากเฟสแรก ซึ่งบริษัทคาดว่าจะได้งานจากมาสด้า และ ฟอร์ด ขณะที่คาดว่าค่ายจีเอ็มจะเป็นผู้ผลิตรายต่อไป ซึ่งในส่วนของ AH ก็มีโรงงานเตรียมพร้อมอยู่แล้ว โดยปัจจุบันเ บริษัทผลิตชิ้นส่วนให้หลายค่าย เช่น นิสสัน ปัจจุบันการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 70% แต่ในปี 58 จะเพิ่มอีก 10% นายเย็บชูชวน กล่าวอีกว่า บริษัทยังมองหาโอกาสการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มเติมทั้งการหาพันมิตรและขยายตลาด เช่น การเจรจาพาร์ทเนอร์ในอินเดียเนื่องจากมองว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเข้าไปลงทุน และตลาดใหม่ที่สำคัญ ทั้งอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์เพิ่ม เพื่อเพิ่มโอกาสในการขยายตัวของบริษัท และแผนระยะยาวจะมีการขยายไปยังตลาดญี่ปุ่น สหรัฐฯและยุโรปเพิ่มด้วย
"อยากมีพาร์ทเนอร์เอเชียเพิ่มเติม จากปัจจุบันมีมาเลเซีย สิงคโปร์และไทย ต่อไปจะมองหาไปยังฟิลิปปินส์ อินเดีย อินโดนีเซีย และเมื่อตลาดเอเชียแข็งแกร่งแล้วก็จะมองไปถึง ในญี่ปุ่น ยุโรป อเมริกา"นายเย็บ กล่าว
ขณะที่ธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์ที่มาเลเซียมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะไตรมาส 3 ที่ผ่านมาแนวโน้มยังดีต่อเนื่อง