ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง NDR เสนอขาย IPO 65 ล้านหุ้นเข้า mai ปลายปี-ต้นปีหน้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday December 8, 2014 15:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ สายวาณิชธนกิจ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบมจ. เอ็น.ดี.รับเบอร์ (NDR) เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้พิจารณานับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ที่เตรียมจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 65,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 1 บาท คิดเป็นร้อยละ 30.23 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท

ทั้งนี้คาดว่าจะนำหุ้น NDR เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้ประมาณปลายปีนี้ ถึงต้นปี 2558

“ก.ล.ต.ได้นับหนึ่งไฟลิ่งหุ้นไอพีโอของ NDR เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งคาดว่าช่วงเวลาการเข้าซื้อขายน่าจะอยู่ในช่วงปลายปี 2557 นี้ถึงต้นปี 2558 พร้อมมั่นใจว่า NDR จะเป็นหุ้นไอพีโอน้องใหม่อีกบริษัทที่จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างดี ซึ่ง NDR เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตยางรถจักรยานยนต์ยาวนานมากว่า 20 ปี มุ่งเน้นด้านคุณภาพของสินค้าต้องมาเป็นอันดับแรก เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้บริโภค โดยมีจุดขายเป็นความแตกต่างด้านความทนทานของผลิตภัณฑ์ รวมทั้งผู้บริหารยังมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล พร้อมที่จะนำองค์กรเดินไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืนและมั่นคง" นายวิชา กล่าว

ด้านนายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ NDR เปิดเผยถึงวัตถุประสงค์ในการระดมทุนครั้งนี้ เพื่อใช้ชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงินที่ได้กู้ยืมมาเพื่อขยายกิจการในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนทางการเงินของบริษัทลดลงและมีเงินเหลือมากขึ้น สำหรับนำไปขยายธุรกิจให้เติบโตไปได้อีกมากในอนาคต ทั้งในส่วนของการเพิ่มกำลังการผลิต เพิ่มฐานลูกค้าใหม่ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศให้กว้างขึ้น

NDR ได้วางเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจ ขึ้นแท่นเป็น 1 ใน 3 อันดับแรกของบริษัทในอุตสาหกรรมการผลิตยางรถจักรยานยนต์ในประเทศภายใน 3 ปี และต้องการจะขยายส่วนแบ่งการตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ โดยตั้งเป้าหมายการเพิ่มยอดขายจากทั้งตลาดภายในประเทศและตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 ในปี 2559 ขณะเดียวกันมุ่งเน้นการรักษาคุณภาพของสินค้า และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ให้ตรงตามความต้องการของตลาดเพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า พัฒนาสินค้าให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ในระยะยาวและสามารถนำเป็นจุดขายในการแข่งขันกับคู่แข่งทางด้านราคาในตลาด และความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ได้ นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นขบวนการผลิตที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม

“เราวางเป้าหมายภายใน 3 ปีข้างหน้า (2560) ขึ้นแท่น 1 ใน 3 ของอุตสาหกรรมผลิตยางรถจักรยานยนต์ในประเทศ โดยปัจจุบันบริษัทฯติดอันดับ 1 ใน 5 แล้ว จากจุดเด่นของสินค้าที่มีคุณภาพและความทนทานทำให้ได้รับความไว้วางใจและความเชื่อมั่นจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมองหาช่องทางส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น จากเดิมที่ส่งออกไปยังมาเลเซีย ลาว พม่า และฟิลิปปินส์ เพื่อกระจายฐานรายได้และเป็นการกระจายความเสี่ยงด้วย" นายชัยสิทธิ์ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ