นอกจากนี้คาดว่าในไตรมาส 2/58 จะสามารถสรุปการร่วมทุนกับพันธมิตรท้องถิ่นเพื่อตั้งโรงพิมพ์ในประเทศพม่า เบื้องต้นคาดว่าโรงพิมพ์ดังกล่าวจะมีมูลค่าการลงทุนราว 50 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมีนโยบายถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 50% นอกจากนี้บริษัทเตรียมศึกษาเพื่อเข้าขยายกิจการในประเทศกัมพูชาเป็นเป้าหมายถัดไป
อีกทั้ง บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อซื้อกิจการหรือร่วมทุน ในธุรกิจโลจิสติกส์และธุรกิจอาหาร ซึ่งยังไม่สามารถให้รายละเอียดได้ แต่เบื้องต้นคาดว่าจะได้ข้อสรุปอย่างน้อย 1 บริษัทในปีหน้า ซึ่งอาจจะเป็นธุรกิจโลจิสติกส์ เนื่องจากการเจรจามีความคืบหน้าไปพอสมควรแล้ว
สำหรับผลประกอบการปีนี้ บริษัทมั่นใจกำไรสุทธิปีนี้จะสูงเป็นประวัติการณ์จากปีก่อนที่ทำได้ 233.98 ล้านบาท ซึ่ง 9 เดือนแรกที่ผ่านมาบริษัทมีกำไรสุทธิแล้วกว่า 247.20 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทเน้นรับงานที่มีอัตรากำไรสูงมากยิ่งขึ้น
แต่ยอมรับว่ารายได้ในปีนี้จะต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.6 พันล้านบาทเล็กน้อย เพราะได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทำให้งานจากภาครัฐเลื่อนและชะลอออกไป ซึ่งมีสัดส่วนรายได้กว่า 40%
"ปีนี้อุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมือง เพราะงานภาครัฐเลื่อนไปเยอะ โดยประเมินกันว่าอุตสาหกรรมน่าจะโตได้เต็มที่ก็เพียง 1% เท่านั้น ซึ่งของเราเองเดิมตั้งเป้ารายได้โตถึง 15% จากปีก่อนหรือแตะกว่า 1.6 พันล้านบาท ตอนนี้คงไม่ถึงเป้าดังกล่าว แต่ยังไงก็มากกว่าปีก่อนและโตกว่าอุตสาหกรรมอย่างแน่นอน ที่สำคัญเราจะมีกำไรนิวไฮอย่างต่อเนื่อง เพราะเราเน้นรับงานมาร์จิ้นสูงมากยิ่งขึ้น"นางสาวศิริวรรณ กล่าว