สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (1 – 4 ธันวาคม 2557) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้ มีมูลค่ารวม 295,482 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 73,871 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 11% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้วจะพบว่ากว่า 64% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 188,549 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (State Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 83,063 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 4,792 ล้านบาท หรือคิดเป็น 28% และ 2% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ
สำหรับพันธบัตรรัฐบาล ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB176A (อายุ 2.5 ปี) LB196A (อายุ 4.5 ปี) และ LB25DA (อายุ 11.0 ปี) โดยมีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 16,534 ล้านบาท 14,346 ล้านบาท และ 11,769 ล้านบาท ตามลำดับ
ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) รุ่น GLOW218A (A+) มูลค่าการซื้อขาย 403 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) รุ่น BGH233A (AA-) มูลค่าการซื้อขาย 325 ล้านบาท และหุ้นกู้ของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รุ่น TLT174A (AAA) มูลค่าการซื้อขาย 249 ล้านบาท
ราคา (Price) ของพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวสูงขึ้น หรือผู้ซื้อจะได้ผลตอบแทน (Yield) ลดลง ประมาณ 0.02% - 0.10% หากเข้าซื้อพันธบัตรในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ภาพรวมของเศรษฐกิจโลกยังคงอยู่ในทิศทางที่ไม่สามารถฟื้นตัวได้ดีมากนัก โดยล่าสุด Moody’s ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศญี่ปุ่นลง 1 ระดับ จาก Aa3 เป็น A1 (หรือเทียบเท่ากับ AA- และ A+ ของสถาบันจัดอันดับฯแห่งอื่น) ขณะที่ดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจของหลายๆประเทศที่ประกาศในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาค่อนข้างน่าผิดหวัง ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าทิศทางดอกเบี้ยทั้งในและต่างประเทศน่าจะอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปอีกซักระยะ
นอกจากนี้แล้ว ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีการประมูลพันธบัตรรัฐบาล 2 รุ่น อายุคงเหลือประมาณ 11 และ 13 ปี ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี โดยมีความต้องการประมูลในจำนวนที่สูงกว่าปริมาณพันธบัตรที่ออกขาย (ค่า Bid Coverage Ratio: BCR) 2.51 และ 1.90 เท่า ตามลำดับ ส่งผลให้ราคาในการประมูลพันธบัตรรุ่นดังกล่าวอยู่ในระดับที่สูง (Yield ต่ำ) และมีส่วนทำให้ราคาของพันธบัตรรุ่นใกล้เคียงปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย บวกกับการคาดการณ์ถึงทิศทางดอกเบี้ยในประเทศที่น่าจะยังอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องไปอีกซักระยะ ทั้งหมดนี้มีส่วนทำให้ราคาตราสารหนี้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวสูงขึ้น (Yield ลดลง) ในทุกช่วงอายุ
ทั้งนี้ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (1 – 4 ธ.ค. 57) เม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติยังคงไหลเข้าสู่ตราสารหนี้ระยะยาว (อายุคงเหลือ > 1 ปี) ต่อเนื่องอีก 4,950 ล้านบาท