บริษัทมั่นใจว่ารายได้ในงวดปี 57/58 จะเติบโตตามเป้าหมายที่ 10% ตามการเติบโตของตลาดสีทาอาคารและสีอุตสาหกรรมในโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งจะเป็นผลิตภัณฑ์หลักผลักดันการเติบโตในระยะต่อไป ขณะที่ผลิตภัณฑ์อื่นๆ บริษัทยังคงมีการทำตลาดกับกลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่อง สัดส่วนรายได้แบ่งออกเป็นสีกันสนิม 40% สีเคลือบไม้และสีอุตสาหกรรม 30% สีทาอาคารและอื่นๆ 30%
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าในปีนี้สีทาอาคารจะมีแนวโน้มการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เพราะกำลังซื้อของผู้บริโภคมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทฯจะมุ่งเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์สีทาภายในและตกแต่งเป็นหลัก จากการสำรวจตลาดพบว่ากลุ่มผู้ใช้มองหาสีคุณภาพ มีเอกลักษณ์ สวยงามอย่างโดดเด่น ใช้งานง่ายทนทาน ซึ่งสี DIMET สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้เป็นอย่างดี อีกทั้งบริษัทจะเน้นบุกตลาดประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น อาทิ อินโดนีเซีย เวียดนาม ลาว และ พม่า โดยบริษัทตั้งเป้าที่จะขยายสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจาก 15% เป็น 20% ในปีนี้
"เรามั่นใจรายได้ปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ และกำไรสุทธิจะกลับมามีกำไรได้ แม้ไตรมาส 1 ที่ผ่านจะยังขาดทุน แต่เชื่อว่าจะขาดทุนลดลงในไตรมาส2 และจะเริ่มกลับมามีกำไรไตรมาส 3 เป็นต้นไป ซึ่งเราจะไม่ขยายสาขาใหม่เพื่อเป็นการลดต้นทุน แต่จะเน้นการทำโปรโมชั่นในสาขาเดิมๆเพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขาย และยังจะเน้นเข้าหางานภาครัฐฯมากขึ้นด้วย"นายสุรพล กล่าว
นายสุรพล กล่าวถึง ราคาหุ้น DIMET เคลื่อนไหวผันผวนอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมาว่า พื้นฐานของทางบริษัทฯเองยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่ยอมรับว่ามีผู้สนใจที่จะเข้าร่วมเป็นพันธมิตรหลายราย เพียงแต่ยังไม่มีรายใดติดต่อเข้ามาเจรจาอย่างเป็นทางการ
"ก็มีคนที่เข้าสนใจเราหลายๆคนนะ แต่ก็ยังไม่ได้เกิดอะไรขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม แต่ผมว่าเค้าก็สนใจเหละแต่ยังไม่มีใครเข้ามาคุยตรงๆ ผมก็มองว่าหากอยากเข้ามาจริงๆกก็ต้องมาคุยกับที่ปรึกษาทางการเงินของผม ส่วนตัวผมเองก็ไม่ได้ปิดกั้นถ้ามีโปรเจ็คดีดี ทำให้เราเติบโตเราก็พร้อมที่จะให้เขาเข้ามานะ"นายสุรพล กล่าว