"เอ็น.ดี.รับเบอร์"คาดขายหุ้น IPO พร้อมเข้าเทรดปลายปีนี้หรือต้นปี 58

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday December 12, 2014 10:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ สายวาณิชธนกิจ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บมจ.เอ็น.ดี.รับเบอร์(NDR)เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)นับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ของ NDR เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 65 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 1 บาท คิดเป็น 30.23% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท โดยคาดว่าจะสามารถเปิดขายหุ้นและเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ราวปลายปีนี้ถึงต้นปี 58

ทั้งนี้ NDR เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตยางรถจักรยานยนต์ยาวราวมากกว่า 20 ปี โดยบริษัทเริ่มก่อตั้งตั้งแต่ปี พ.ศ.2535 รวมถึงบริษัทเน้นคุณภาพของสินค้าเพื่อความปลอดภัยสูงของผู้บริโภค จุดขายอยู่ที่ความแตกต่างด้านความทนทานของผลิตภัณฑ์ และผู้บริหารยังมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลพร้อมที่จะนำองค์กรเดินไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืน

นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ NDR เปิดเผยว่า วัตถุประสงค์การระดมทุนครั้งนี้เพื่อใช้ชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงินที่บริษัทได้กู้ยืมมาเพื่อขยายกิจการในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจำนวน 300 ล้านบาท ทำให้ต้นทุนทางการเงินของบริษัทลดลง โดยปัจจุบันบริษัทมีรายจ่ายดอกเบี้ยปีละราว 7 ล้านบาท และเงินส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ

เมื่อชำระคืนเงินกู้บางส่วนจะทำให้บริษัทสามารถนำเงินสดในการดำเนินงานไปขยายธุรกิจให้เติบโตไปได้อีกมากในอนาคต ทั้งการเพิ่มกำลังการผลิต เพิ่มฐานลูกค้าใหม่ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศให้กว้างขึ้น โดยปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ต่างประเทศ 50% และในประเทศ 50% ซึ่งในปี 58 บริษัทคาดสัดส่วนรายได้ต่างประเทศจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทเตรียมขยายธุรกิจไปอินเดีย จากที่มีฐานลูกค้าอยู่แล้วในมาเลเซีย พม่า ลาว เวียดนาม และกัมพูชา

สำหรับผลประกอบการในปีนี้บริษัทคาดว่ารายได้จะใกล้เคียงปีก่อนที่มีรายได้ 820 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาช่วงต้นปี

อย่างไรก็ตาม บริษัทตั้งเป้าหมายเพิ่มยอดขายจากทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศสูงขึ้น 25% ในปี 59 และเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 15 % จากปัจจุบันอยู่ที่ 8% ด้วยการมุ่งเน้นรักษาคุณภาพสินค้า และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ให้ตรงตามความต้องการของตลาด และสามารถแข่งขันในตลาดได้ในระยะยาว รวมทั้งนำไปเป็นจุดขายในการแข่งขันกับคู่แข่งทางด้านราคาและความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ได้ นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นกระบวนการผลิตที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ